Highlight ประจำไตรมาส 4Q2020
1.ระดับมูลค่าตลาดจีน A-Shares สิ้นเดือน พ.ย. เมื่อวัดจาก FW P/E 16.7 x สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ระดับ 14 x นั้น อาจดูเหมือนว่าเทรดที่ราคาพรีเมี่ยมเพราะไม่ได้ถูกเหมือนกับช่วงในไตรมาสแรกของปี 1Q2020 แต่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในกรอบระยะเวลาที่มีลักษณะเฉพาะ กล่าวคือเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนได้รับการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลงจากสถานการณ์ COVID-19 จากนักลงทุน จึงไม่น่าแปลกใจที่ FW P/E multiple จะเทรดในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยังมีมีปัจจัยอีก 2 ประการที่ทำให้หุ้นจีนเหมาะที่จะเทรด ณ ระดับ P/E ที่สูงขึ้น คือ
- 1) จีนเริ่มฟื้นตัวเป็นชาติแรก ทำให้ได้รับการคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ในอัตรา 3% ต่อปี ในปีหน้าผู้จัดการมองอัตราการเติบโตกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนระดับ 8-10% จากผลของ Low base ในปีนี้
- 2) สภาพคล่องที่เพิ่มเติมเข้ามาในตลาด Mainland หลังการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนใหม่ IPO กว่า 650 กอง ที่เสนอขายคนจีนโดย บลจ.สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่หลายแห่ง เช่น Ping An Asset Management ฯลฯ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นในประเทศ เม็ดเงินออมใหม่ได้เข้ามาสนับสนุนสภาพคล่องและรอจ่อซื้อหุ้นจีน Onshore จากนักลงทุนสถาบันประเภทกองทุนรวม
2.กองทุนหลักถือครองเฉพาะหุ้นที่มีความมั่นใจสูง (high conviction) เพียง 61 บริษัท เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI China A Onshore Total Return Net ที่มีหุ้นจำนวน 716 บริษัท หุ้นที่เลือกเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กองทุนหลักให้น้ำหนักลงทุนสูงสุดคือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (ประมาณ 27% ของพอร์ต) กลุ่มสถาบันการเงิน (ประมาณ 18% ของพอร์ต) หลายเดือนที่ผ่านมาผู้จัดการกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักลงทุน โดยเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคฟุ่มเฟือยขึ้น (เป็น 11.3% ของพอร์ต) เนื่องจากมองว่ากลุ่มนี้จะได้รับอานิสงส์ จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายในประเทศ หลังจากเศรษฐกิจจีนแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ได้เห็นการฟื้นตัวในกลุ่มท่องเที่ยวในประเทศ สินค้าเครื่องใช้ในบ้าน ยอดซื้อรถยนต์ นอกจากนี้แล้วกองทุนยังได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งได้ประโยชน์จากงบประมาณที่รัฐบาลใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานและกลุ่มที่สอดคล้องกับการเติบโตเชิงโครงสร้างของจีนที่เน้นการพึ่งพาตนเองให้มาก ลดการนำเข้าสินค้าต่างชาติในการผลิตสินค้าประเภทไฮเอนด์
3. กองทุนลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มไอที (Information Technology 13.6% ของพอร์ต) ด้วยตรรกะที่ว่าเทคโนโลจีนได้รับแรงกดดันมาโดยตลอดจากการต่อสู่กับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ การดำเนินงานที่หยุดชะงักของบริษัทเทคโนโลยีจีนช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไอทีจีนไม่สามารถสร้างงานวิจัย สร้างนวัตกรรมภายในองค์กร ยังต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ
4. หุ้นถือครอง 10 อันดับแรกยังคงเป็นบริษัทที่ท่านผู้ถือหน่วยคุ้นเคย อาทิ บริษัท Jiangsu Hengli Hydraulic (ผู้ผลิตไฮดรอลิกที่ใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างรายใหญ่อันดับหนึ่ง) บริษัท Shanxi Xinghuacun Fen Wine (ผู้ผลิตสุราพรีเมี่ยม) บริษัท Luxshare Precision Industry (ผู้ออกแบบและผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) ทั้งหมดเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดในประเทศ ครองส่วนแบ่งตลาดในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ (Top tier city) ได้ประโยชน์เชิงโครงสร้างจากการที่จีนหันลดการพึ่งพิงสินค้าจากต่างประเทศ
Portfolio positioning – top positions and overweights
5. ทำความรู้จักหุ้นบริษัทที่สร้างผลตอบแทนดีที่สุด/ต่ำที่สุดให้กับพอร์ตกองทุนหลักในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
- Best relative contributors past 3 months
บริษัท Skshu Paint (ผลตอบแทนในไตรมาส3 อยู่ที่ 80.8%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 2.2%, สัดส่วนของเกณฑ์มาตรฐาน 0.1%) เป็นผู้นำด้านการผลิตสี มีจุดเด่นของการที่จีนลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ
บริษัท Jiangsu Hydraylic (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 38.4%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 4.2%, สัดส่วนของเกณฑ์มาตรฐาน 0.1%) จุดเด่นบริษัทมีอัตราการเติบโตของผลประกอบการและอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์
บริษัท Shanxi Xinghuacun Fenwi (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 42.0%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 3.1%, เกณฑ์มาตรฐาน 0.2%) จุดเด่นบริษัทได้ส่งมอบทั้งรายได้และกำไรสุทธิบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นได้สูงกว่าที่คาดการณ์ ทั้งที่มีระดับมูลค่าสูงขึ้นแต่ราคาหุ้นบริษัทก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อ
บริษัท China Tourism Group Duty Free (ผลตอแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 51.0%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 2.4%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.9%) เดิมคือบริษัท China International Travel ที่ทำธุรกิจให้บริการสินค้าปลอดภาษี จุดเด่นบริษัทได้รับอานิสงส์จากการที่ชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ สร้างอุปสงค์ต่อสินค้าในประเทศในช่วงวันหยุด
บริษัท China life insurance (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 73.1%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 1.4%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.2%) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเพราะ sentiment ของนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก่อนหน้านี้นักลงทุนไม่ชื่นชอบหุ้นในกลุ่มประกันชีวิตมากนัก เนื่องจากตลาดกังวลประเด็นต่อผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัทกลุ่มประกันจะลดลงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทรงตัว
- Worst relative contributors past 3 months
บริษัท Will Semiconductor (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ -8.7%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 2.3%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.2%) และบริษัท Shennan circuits (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ -27.8%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 0.9%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.1%) ทั้ง 2 บริษัทได้รับผลกระทบจากที่รัฐบาลสหรัฐฯเล่นงานหัวเว่ยและบริษัทในกลุ่มเซมิตอนดักเตอร์จีน ผู้จัดการกองทุนยังไม่ได้เพิ่ม/ลดสัดส่วนการลงทุนโดยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเซมิคอนดักเตอร์จีน
บริษัท Shanghai Kinetic Medical (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ -24.1%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 1.1%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.0%) ผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การผ่าตัดศัลยกรรม ราคาหุ้นลดลงจากการจัดซื้อจัดจ้างจากทางรัฐบาลจีนที่มอบงบประมาณให้โรงพยาบาลซื้อเครื่องมือการแพทย์ได้โดยตรง โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลง ทำให้บริษัทต้องหั่นลดราคาสินค้าโดยทันทีเพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้ ส่งผลให้อัตราการทำกำไรลดลง กองทุนหลักมีฐานะลงทุนในบริษัทนี้ในช่วงแรกเพียง 1.1% ของพอร์ต ล่าสุดสัดส่วนได้ลดลงสู่ระดับ 0.5% ของพอร์ต ผู้จัดการกองทุนมีแผนที่จะไม่ถือครองหุ้นตัวนี้ต่อไป
บริษัท Yonghui Superstores (ผลตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ -13.3%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 1.4%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.2%) เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ต ราคาหุ้นได้รับแรงกดดันจากการเข้ามาของอี-คอมเมิร์ซ ออนไลน์รีเทล แต่ราคาหุ้นยังซื้อขายในระดับราคาที่น่าสนใจ ซื้อขายที่ FW PE 20 x คาดว่าส่วนแบ่งตลาด offline เติบโต เนื่องจากธุรกิจมีลักษณะเฉพาะที่เน้นสินค้าสดใหม่ ร้านขายของชำลักษณะนี้ได้รับผลน้อยจากการเข้ามาของอี-คอมเมิร์ซ ผู้จัดการกองทุนมองบวกและลงทุนต่อแต่จะควบคุมสัดส่วนให้อยู่ที่ประมาณ 1.0% เพื่อควบคุมความเสี่ยงของพอร์ต
บริษัท Jinyu Bio-Technology (ผตอบแทนในไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.7%, สัดส่วนในกองทุนหลัก 1.6%, สัดส่วนในเกณฑ์มาตรฐาน 0.1%) เป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีน เป็นหุ้นที่ไม่มีสีสันในมุมมองของผู้จัดการกองทุนหลัก โดยตลาดเล่นเพียงเรื่องของการฟื้นตัวด้านผลประกอบการ
ผลการดำเนินงานกองทุนหลัก Allianz China A Shares
หมายเหตุ:
1) Representative Account คือกองทุนหลัก “Allianz China A-Shares” ซึ่งจัดตั้งปี 2009 (กองทุน B-CHINAARMF ลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด Allianz China A Shares, Class PT (USD) Acc ซึ่งจัดตั้งเดือนพฤษภาคม 2019) โดยทั้ง 2 เป็นกองทุนอันเดียวกันมีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน
2) กองทุนหลักขนาดกองทุนสิ้นเดือนกันยายน 2020 เท่ากับ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีนโยบายการลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น มีเกณฑ์มาตรฐานคือ MSCI China A Onshore Total Return Net (USD)
3) กราฟเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2020
กองทุนหลัก (Master fund)
ชื่อ : Allianz China A-Shares
นโยบายการลงทุน: แสวงหาการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว โดยเน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีน A-Shares ไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในตราสารทุนอื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์การลงทุนหลัก
วันจัดตั้งกองทุน: ปี 2009 (ชนิดหน่วยลงทุน PT (USD) Acc หรือ “กองทุนหลักของ B-CHINAARMF” จัดตั้งเดือน พ.ค. 2019)
ประเทศที่จดทะเบียน: ลักเซมเบิร์ก
สกุลเงิน: USD
เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): MSCI China A Onshore Total Return Net (USD)
Morningstar Category: Greater China Equity
Bloomberg Code: ALCPTUA LX
Fund size: USD 7,574.68m as of Oct 2020
*ที่มา: Allianz China A Shares ข้อมูลเดือนตุลาคม ดูรายละเอียดกองทุนรวมต่างประเทศได้ที่
คำเตือน – ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยทั่วไป และเป็นข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บริษัท”) มิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้อง หรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของบริษัท และเป็นความคิดเห็น ณ วันที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องแจ้งสาธารณชน หรือผู้ลงทุนทราบ บทความฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการนำข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆไปใช้ในทุกกรณี ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต