Market Update: BFRMF
กลยุทธ์ในการบริหารกองทุน: กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนมุ่งหวังผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
• ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา (มกราคม 2561) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการเปลี่ยนแปลงผสมผสานกันทั้งขึ้นและลง โดยปรับตัวลดลงในช่วงอายุคงเหลือไม่เกิน 11 ปี และอีกช่วงคืออายุคงเหลือ 22 – 30 ปี ขณะที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงอายุคงเหลือ 12 – 20 ปี
• ราคา NAV กองทุน BFRMF ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสะท้อนการ Mark to Market ราคาตราสารหนี้ (พันธบัตร หุ้นกู้) ในช่วงดังกล่าวจาก 14.4759 บาทต่อหน่วย (29 ธ.ค. 2560) เป็น 14.5117 บาทต่อหน่วย (31 ม.ค. 2561)
• ทั้งนี้ ทีมจัดการลงทุนประมาณการว่า ผลตอบแทนในอนาคตก่อนหักค่าใช้จ่ายกองทุน (ในอีก 2 เดือนข้างหน้า) น่าจะอยู่ราว 1.50 -1.70% ต่อปี โดยมีอัตราผลตอบแทนปัจจุบัน (Current yield / Running yield) ก่อนหักค่าใช้จ่ายกองทุน BFRMF อยู่ที่ 1.67%
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้
• ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1-10 ปีปรับลดลง 0.01% ถึง 0.09% เป็นผลมาจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยที่สูงถึง 63,370 ล้านบาท และผลการประมูลพันธบัตรอ้างอิงรุ่นอายุ 5 และ 10 ปีที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีด้วยสัดส่วน Bid-to-Cover ที่สูงถึง 4.44 และ 3.87 เท่า ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วงอายุใกล้เคียงปรับตัวลดลงทันทีหลังการประมูล
• อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในเดือนมกราคมที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ รวมทั้ง สัญญาณการเร่งตัวของค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น 0.3%จากเดือนก่อน ทำให้นักลงทุนกังวลต่อการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อที่จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเร่งกระบวนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์เดิม จากปัจจัยกดดันดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 2.85% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
• สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเดือนมกราคมยังมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25 – 1.50% พร้อมส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเดิม และมีมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและตลาดแรงงานในระดับที่ดี ด้านภาวะเงินเฟ้อ คณะกรรมการฯประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะค่อยๆเร่งตัวขึ้นในปีนี้และขยับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้ในระยะต่อไป
• ขณะที่การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของไทยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมเพียงพอต่อการช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและยังช่วยให้อัตราเงินเฟ้อสามารถขยับกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ในอนาคต
• สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย กนง.คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนของการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัว รวมทั้ง การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวตามแรงสนับสนุนของภาครัฐ ด้านการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวและแรงกระตุ้นจากนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐฯ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และกนง.ยังแสดงความกังวลต่อความผันผวนที่สูงขึ้นของค่าเงินบาทซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้
มุมมองในตลาดตราสารหนี้ : หาโอกาสลงทุนจากความผันผวนในตลาด
• แนวโน้มตราสารหนี้ไทยในอนาคต คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยจะเคลื่อนไหวอย่างผันผวนมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักๆหลังตัวเลขเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง