ซีเอ็นบีซี รายงานว่า คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ หรือ FCC ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลใบอนุญาตในการใช้คลื่นความถี่ที่สำคัญสำหรับเครือข่าย 5G มูลค่ารวม 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐออกมาแล้ว โดยผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดคือ เวอไรซอน ตามด้วย เอทีแอนด์ที ซึ่งมีความต้องการคลื่นความถี่เพื่อไปใช้สร้างเครือข่าย 5G ที่จะทำให้บริการเครือข่ายไร้สายมีความเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เวอไรซอน ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย เซลโค พาร์ทเนอร์ชิป ในการเสนอประมูลกว่า 45,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บนคลื่นความถี่ สูงที่สุดเมื่อเทียบรายอื่น ส่วนเอทีแอนด์ดี ดำเนินการผ่านบริษัท เอทีแอนด์ที สเปกตรัม ฟรอนเทียร์ เสนอประมูล 23,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐฯ ที-โมบาย เสนอประมูลมากเป็นอันดับ 3 ที่ 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อรวมจำนวนเงินที่บริษัทเหล่านี้ใช้จ่ายก็ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าการได้ใบอนุญาตสำหรับคลื่นความถี่ครังนี้มีความสำคัญต่อผู้ให้บริการขนาดไหน
“ผลที่ออกมาสูงเป็นประวัติการสะท้อนถึงความต้องการและความจำเป็นอย่างมากในการได้ใบอนุญาตมากขึ้นในคลื่นความถี่ช่วงกลางและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาคลื่นความถี่ที่ประมูลได้ไป” Meredith Baker ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CTIA กลุ่มผู้ค้าซึ่งเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมบริการไร้สาย กล่าว ขณะที่ผู้ประมูลยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องงดแสดงความคิดเห็น เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ความคิดเห็นต่างๆ ต่อสาธารณชน
คลื่นความถี่ที่มีการประมูลได้ไปในครั้งนี้ เป็นคลื่นความถี่ 280 เมกะเฮิรตซ์ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นขุมทองเพราะเหมาะสมกับเครือข่าย 5G จากความสามารถในการส่งข้อมูลจำนวนมากผ่านคลื่นความถี่ที่เดินทางได้ในระยะไกล