ซีเอ็นบีซี รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 100 ล้านโดส ตามข้อมูลของศูนย์ควบรวมและป้องกันโรค (CDC)
ทั้งนี้ มีประชาชนประมาณ 35 ล้านคน ได้รับวัคซีนครบขนาดที่ต้องรับแล้ว คิดเป็น 13.5% ของประชากรวัยทำงานทั้งหมดในสหรัฐฯ ตามข้อมูลของ CDC ขณะที่มากกว่า 65.9 ล้านคน ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสจากจำนวนเต็ม 2 โดส
ยอดผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมดในครั้งนี้ รวมผู้ที่ได้รับวัคซีน 16.5 ล้านคนในช่วงที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว ซึ่งส่งผลให้ใกล้เคียงเป้าหมายของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ต้องการให้ประชาชนได้รับวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในช่วง 100 วันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง
ขณะที่ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มี 32% ที่ได้รับวัคซีนครบจำนวนแล้ว และมากกว่า 61% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส
สิ่งที่น่าสังเกตคือ 80% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ เป็นผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
รัฐบาลสหรัฐฯ เร่งการฉีดวัคซีนนับตั้งแต่ไบเดน เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ด้านทำเนียบขาวเดิมทีพยายามจะฉีดวัคซีนให้ได้ 1 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเป้าหมายที่ต่ำเกินไป ขณะที่ CDC บันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีนไป 2.9 ล้านครั้งต่อวัน
ปัจจุบันมีวัคซีนโควิด-19 ที่ องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินได้ ได้แก่ วัคซีนที่เป็นของโมเดอร์นา และไฟเซอร์ ที่ต้องให้ทั้งหมด 2 โดส ได้รับการอนุมัติเมื่อเดือน ธ.ค. 2020 และวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่ให้เพียง 1 ครั้ง ได้รับอนุมัติเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทำเนียบขาว มีการทำงานร่วมกับโรงงานผลิตเพื่อเร่งการผลิตและเพิ่มปริมาณการให้วัคซีนในสหรัฐฯ โดยเมื่อวันพุธ ไบเดน ประกาศว่า รัฐบาลวางแผนที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมไว้อีก 100 ล้านโดส ซึ่งเป็นวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน