โดย…ทนง ขันทอง
เมื่อวันจันทร์ (29 มี.ค.) ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทน หรือยิลด์ของพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐฯ สูงขึ้นไปแตะเหนือระดับ 1.76% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2020
ยิลด์ที่สูงขึ้นเกิดจากการขายพันธบัตรของนักลงทุน ในขณะที่กำลังชั่งใจดูว่า โครงการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ จะสามารถบริหารจัดการให้ทั่วถึงเพียงใด รวมทั้งประเมินว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด
The Financial Times รายงานว่า การขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นตัวนำการขายตลาดพันธบัตรโลก เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างร้อนแรง ผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยยังไม่คิดที่จะสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนีของ Bloomberg Barclays ที่เกาะติดพันธบัตรของรัฐบาลของประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกได้ลดลง 5% ในแง่ของผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2020 นี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ให้คำมั่นว่า ภายในกลางเดือนเม.ย. คนอเมริกันจำนวน 90% จะสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนโควิดได้ และจะสามารถไปใช้บริการฉีดวัคซีนตามสถานที่ที่กำหนดในรัศมีไม่ไกลเกินกว่า 5 ไมล์จากบ้านของตัวเอง
นอกจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ไบเดนมีแผนที่จะใช้เงินอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยในวันพุธ (31 มี.ค.) ไบเดนมีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังเมืองพิตตส์เบิร์ก มลรัฐเพนซิลวาเนีย เพื่อเปิดเผยรายละเอียดของโครงการโครงสร้างพื้นฐานนี้ให้คนอเมริกันได้รับทราบ
จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ทำให้นักลงทุนเป็นกังวลใจกับเงินเฟ้อ พันธบัตรอายุ 5 ปีของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกขาย ทำให้ยิลด์พุ่งไประดับ 0.94% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020
พันธบัตรของรัฐบาลยุโรปก็อยู่ภายใต้แรงกดดันของการขายเหมือนกัน โดยพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลเยอรมันขึ้นไประดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ไปอยู่ที่ -0.29% พันธบัตรอายุ 10 ปีของอังกฤษอยู่ที่ 0.83% โดยขึ้นจากระดับ 0.74% เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
กล่าวโดยรวมแล้ว ตลาดพันธบัตรมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก