รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สหรัฐฯ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 70% ภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันชาติของสหรัฐฯ และรัฐบาลจะให้เด็กอายุ 12-15 ปี ได้รับวัคซีนทันทีที่ได้รับอนุญาต
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ยกประเด็นการฉีดวัคซีนเป็นวาระสำคัญนับตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. และเขาแถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ต้องการให้ผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 160 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้
เขาได้ประกาศให้วันที่ 4 ก.ค. เป็นวันที่กำหนดเป้าหมายให้ชาวอเมริกันสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อเฉลิมฉลองวันหยุดและนับเป็นการส่งสัญญาณการกลับสู่สภาวะปกติที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ระบุว่า นับจนถึงวันจันทร์ที่ 3 พ.ค. นี้ ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปกว่า 145.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 56.3% ของประชากรผู้ใหญ่ในประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดสแล้ว และประมาณ 104.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 40.6% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดในประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว
ทั้งนี้ ประชากรในสหรัฐฯ ราว 70-85% จำเป็นต้องได้รับภูมิคุ้มกันจากโรคโควิด-19 เพื่อที่จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้
นอกจากนี้ คณะบริหารของไบเดนได้เปิดเว็บไซต์และแคมเปญการส่งข้อความ เมื่อผู้ใช้งานใส่รหัสไปรษณีย์ในพื้นที่ของตนเอง จะสามารถดูรายชื่อของสถานที่ตั้งใกล้ๆ ที่อยู่อาศัยของพวกเขาที่จะสามารถเข้าไปรับการฉีดวัคซีนได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย พร้อมกับสั่งการให้ร้านขายยาหลายพันแห่งอนุญาตให้ประชาชนเดินเข้าไปนัดหมายเพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฉีดวัคซีนป้องกันให้รวดเร็วขึ้น หลังจากอัตราการฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง ภายหลังจากที่อัตราการฉีดพุ่งขึ้นกว่า 200 ล้านโดสในช่วงแรก
รายงานระบุว่า ร้านขายยารายย่อยกว่า 40,000 แห่ง ทั่วสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับรัฐบาลกลางในการแจกจ่ายวัคซีนนั้น จะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนที่เดินเข้าไปขอนัดหมายฉีดวัคซีนได้ในสัปดาห์นี้