CNBC รายงานว่า ตลาดแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงของโลกที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยตลาดแลกเปลี่ยนนี้มีชื่อว่า Climate Impact X หรือเรียกย่อๆ ว่า CIX เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ดีบีเอส กรุ๊ป ผู้ปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ในเอเชีย สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคารอังกฤษ เทมาเส็ก ซึ่งเป็นนักลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ และสิงคโปร์ เอ็กซ์เชนจ์ ผู้ดำเนินการตลาดหลักทรัพย์

บริษัทต่างๆ เผชิญความกดดันมากขึ้นในการลดการปล่อยมลภาวะและการปรับใช้แผนด้านความยั่งยืน โดยบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น อเมซอน ไอบีเอ็ม ไมโครซอฟท์ และยูนิลีเวอร์ มีการตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานไว้เพื่อให้บรรลุแนวทางการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายใน 20-30 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามในบางกรณี การลดมลภาวะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก หรือบางกรณีแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งเมื่อบริษัทไม่สามารถลดมลภาวะของตัวเองได้ ก็ใช้วิธีการซื้อคาร์บอนเครดิตแทน เป็นหนทางที่จะชดเชยกับที่การดำเนินงานของบริษัทกำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กระบวนการดำเนินงานของบริษัท

Mikkel Larsen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของ ดีบีเอส กล่าวเมื่อวันศุกร์ในรายการ “Squawk Box Asia” ของ CNBC ว่า มีความต้องการคาร์บอนเครดิตอย่างเร่งด่วนเท่าที่เป็นไปได้ เพราะเป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับบริษัทหลายแห่งในการลดมลภาวะเมื่อกลยุทธ์ในการลดคาร์บอนของพวกเขาไม่ทำให้พวกเขาบรรลุ้อผูกพันระยะสั้นได้อย่างเต็มที่

รายงานของ McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาการัดการระดับโลกระบุไว้ว่า คาร์บอนเครดิตเป็นใบรับรองที่แสดงถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกกำจัดออกไปในอากาศได้ โดยที่ผ่านมามีการใช้คาร์บอนเครดิตมานานหลายสิบปี ซึ่งตลาดคาร์บอนเครดิตโดยสมัครใจมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่า ในปี 2020 มีผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตเทียบกับเก่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 95 ล้านตัน ซึ่งเมื่อมีการอ้างสิทธิ์ในคาร์บอนเครดิต ก็จะทำให้คาร์บอนเครดิตนั้นจะไม่สามารถนำมาขายได้อีกต่อไป