กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND)

กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND)

HIGHLIGHT

  • ตลาดหุ้นโลกยังคงหนุนด้วยปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก
  • ตลาดหุ้นไทยผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ประกาศออกมานั้น ผลกำไรสุทธิที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในประเทศฟื้นตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จากปัจจัยการแพร่ระบาด ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก มีผลประกอบการฟื้นตัวได้ดี ได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี เกษตร อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนีที่สูง ทำให้ตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมสามารถยืนระดับได้ดี
  • กลยุทธ์การลงทุนในระยะข้างหน้า ยังต้องมีความ Selective ในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศในอนาคต และหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เนื่องจากระดับ Valuation ของตลาดโดยรวมมีความตึงตัว โดยถ้าหากผลประกอบการโดยรวมออกมาดี และทำให้คาดการณ์กำไรของตลาดปรับดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในเชิง Valuation ของตลาดได้

ตลาดหุ้นโลกยังคงหนุนด้วยปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก นำโดยดัชนี ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ ที่ 61.2 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ Composite PMI ของสหรัฐฯ ที่ 68.1 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยูโรโซนที่ 56.9 จุด สูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มปรับตัวลดลง ถึงแม้ ยังคงมีการปรับเพิ่มขึ้นในบางประเทศ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น รวมถึงไทย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ และยุโรป ปรับตัวลดลง หลังจากฉีดวัคซีนไปในวงกว้างมากขึ้น โดยประชาชนในสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนไปแล้ว 50% ของประชากร และคาดว่าจะสร้าง Herd immunity ในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งช่วยหนุนการเปิดเศรษฐกิจและการเดินทางให้มากขึ้น ทั้งนี้ บรรยากาศการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี ระดับอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตา เนื่องจากภาวะอุปสงค์-อุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดอาจจะยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ภายในปีนี้ ซึ่งระดับอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด อาจจะส่งผลต่อสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินในอนาคตของ Fed ได้ อีกทั้ง ยังจะเริ่มเห็นผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นต่ออัตรากำไรของบริษัทในบางอุตสาหกรรมมากกว่าช่วงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นโลก   โดยปัจจัยในประเทศนั้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกสาม ซึ่งมีความรุนแรงกว่าสองระลอกแรกมาก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทรงตัวอยู่ระดับสูง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศต้องหยุดชะงัก และมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นทั่วประเทศ ทั้งนี้ จากแผนของรัฐบาลในการกระจายวัคซีนล็อกแรกของ AstraZeneca ที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายนนั้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศในระยะข้างหน้าได้ สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ประกาศออกมานั้น ผลกำไรสุทธิที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในประเทศฟื้นตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จากปัจจัยการแพร่ระบาดข้างต้น ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก มีผลประกอบการฟื้นตัวได้ดี ได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี เกษตร อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนีที่สูง ทำให้ตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมสามารถยืนระดับได้ดี

กลยุทธ์การลงทุนในระยะข้างหน้า ยังต้องมีความ Selective ในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศในอนาคต และหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เนื่องจากระดับ Valuation ของตลาดโดยรวมมีความตึงตัว โดยถ้าหากผลประกอบการโดยรวมออกมาดี และทำให้คาดการณ์กำไรของตลาดปรับดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในเชิง Valuation ของตลาดได้

ผลการดำเนินงานของกองทุน BKIND ณ 31 พฤษภาคม 2564

ตัวอย่างโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุนและรายละเอียดของโครงการ

โดย จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND) เป็นกองทุนรวมที่มีการแบ่งเงินค่าจัดการกองทุน 40% ไปสนับสนุนโครงการดีๆ เพื่อสังคม ซึ่งกว่า 6 ปีที่กองทุนนี้จัดตั้งขึ้นมา สนับสนุนไปแล้ว 54 โครงการ รวมเป็นเงินเกือบ 42 ล้านบาท

ภารกิจหนึ่งที่น่าสนใจ ที่กองทุน BKIND มีส่วนสนับสนุน ก็คือ ด้านการศึกษา อย่างเช่น การร่วมสนับสนุนเงินงบประมาณ 294,700 บาท ในช่วงเวลาดำเนินงานของโครงการ ระหว่างเดือนกันยายน 2562 – สิงหาคม 2563 ให้กับโครงการ Saturn Light อันเป็นโครงการที่ต่อยอดและขยายขอบเขตมาจากโครงการ Saturday School ซึ่งจัดกิจกรรมนอกหลักสูตรให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดโอกาสในพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการได้รับเงินสนับสนุนส่วนนี้ไป ก็คือ การขยายโครงการ Saturday School ไปยังต่างจังหวัด เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกหลักสูตรในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2562 – มีนาคม 2563

แนวทางการดำเนินงานของโครงการนี้ จะมุ่งหวังสร้างช่องทางการหารายได้อย่างยั่งยืนให้โครงการ ผ่านการสร้าง “โรงเรียนปลูกกล้า” จัดการเรียนการสอนให้กับบุคคลที่มีกำลังทรัพย์ จากนั้นก็จะนำรายได้ที่เกิดขึ้นไปสนับสนุนการทำงานของโครงการ Saturday School อีกต่อหนึ่ง

ขณะที่โรงเรียนปลูกกล้า ซึ่งเป็นช่องทางหารายได้อย่างยั่งยืนให้โครงการ Saturday School ก็เปิดคอร์สเรียนนอกหลักสูตรในกรุงเทพฯ ได้แก่ คอร์สถ่ายภาพ คอร์สการสร้างคอนเทนต์ นอกจากนี้ยังจัด Open House จัดกิจกรรมเวิร์คชอปสั้นๆ ให้ทดลองเรียน การไปรับคำปรึกษาทางธุรกิจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และทิศทางของโรงเรียนปลูกกล้า และสุดท้ายยังทดลองหลักสูตรออนไลน์ร่วมกับโรงเรียนกวดวิชา 152 from zero to hero อีกด้วย

โดยรวมแล้ว การสนับสนุนโครงการนี้ ทำให้ BKIND เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากได้รับความเพลิดเพลินจากการเรียนนอกหลักสูตรแล้ว ในระยะยาวก็ยังเกิดผลลัพธ์จากการได้เสริมทักษะที่จำเป็นต่อโลกอนาคตอีกด้วย ขณะที่ครูที่อาสาสมัครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ในโครงการนี้ ก็ได้มีโอกาสใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง และใช้เวลาว่างที่มีให้เกิดประโยชน์ด้วย

นี่เป็นเพียงการสนับสนุนก้าวเล็กๆ ในโครงการนี้เท่านั้น เพราะหลังผ่านช่วงของการสนับสนุนโครงการ Saturday School ไปแล้ว โครงการก็ขยายการจัดการเรียนการสอนในจังหวัดนครศรีธรรมราชในระหว่างเทอม 2/2563 ทั้งยังขยายโครงการจัดการเรียนการสอนในจังหวัดราชบุรีด้วย ส่วนการเปิดคอร์ส นอกหลักสูตรในกรุงเทพฯ ของโรงเรียนปลูกกล้า เพื่อหารายได้นั้น ก็มีการเพิ่มคอร์สออนไลน์ที่น่าสนใจ เช่น Engineering for Kids, Little Entrepreneurship, Fun Photograph และ Art Kids เป็นต้น

นี่คือ โครงการดีๆ ด้านการศึกษาโครงการหนึ่งที่ BKIND เข้าไปสนับสนุน เป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำให้นักลงทุนเห็นว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนนั้น นอกจากคาดหวังผลตอบแทนในรูปตัวเงินแล้ว หากลงทุนผ่าน BKIND ก็สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จากการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้สังคมไทย และมอบความสุขใจให้กับผู้ลงทุนเองได้ด้วย

Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต