โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP^®

กองทุนบัวหลวง

มีคำถามเข้ามาว่า “มีเงินเก็บเดือนละ 1,000 บาท สามารถลงทุนอะไรได้บ้าง” ซึ่งถามแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นมือใหม่หัดลงทุนแน่ๆ เลย

เบื้องต้นแนะนำให้กันเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้ก่อน ประมาณ 6-12 เดือนของค่าใช้จ่ายรายเดือน ที่บอกแบบนี้เพราะสถานการณ์ไม่ปกติ มีเยอะหน่อยไม่แปลกอะไร แถมดีซะด้วย เผื่อมีเหตุอะไรที่ต้องใช้เงินกะทันหัน จะได้มีใช้ทันที ไม่ต้องไปกู้ยืมใคร ที่ต้องเสียดอกเบี้ยมหาโหด เช่น เราใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท ก็มีกันไว้ก่อน 90,000 – 180,000 บาท ถ้ามีแล้วก็มาเริ่มลงทุนกันเลย

ลงทุนเดือนละ 1,000 บาท สามารถเริ่มต้นลงทุนในกองทุนได้หลากหลายชนิด โดยทั่วไปจะเริ่มต้นลงทุนได้ที่ 500 บาท ก็เท่ากับว่า สามารถลงทุนได้ 2 กองทุน

หากต้องเสียภาษีด้วย ลองเลือกลงทุนในกองทุนที่ช่วยประหยัดภาษีด้วยดีไหม แต่มีเงื่อนไขว่าต้องลงทุนต่อเนื่องไปยาวๆ หากคิดว่าจะลงทุนเพื่อเกษียณ แนะนำกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีหลากหลายนโยบายให้เลือก และตั้งแต่ปี 2563 ไม่มีกำหนดขั้นต่ำสำหรับการลงทุนอีกต่อไป เท่ากับว่า เราจะลงทุนทั้งปีแค่ 500 บาท ก็ได้ หรือจะลงทุนเดือนละ 500 บาทก็ได้ กำหนดเพียงแค่ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนรวมเพื่อการออม (SSO) ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

หากยังวัยรุ่น สามารถทนต่อการขึ้น-ลง ของตลาดหุ้นได้ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่เป็น RMF ก็ยังน่าสนใจ หรืออาจเลือกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต แต่ต้องรับความเสี่ยงได้สูงด้วยสำหรับการลงทุนในกองทุนแบบนี้ อีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มสุขภาพ (Health Care) ก็ยังมีโอกาสเติบโต จากสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น

หากอยากลงทุนหลายๆ กองทุน ในช่วงแรกอาจเลือกลงทุนแค่ 2 กองทุนไปก่อน เนื่องจากเงินลงทุนจำกัด แล้วในอนาคตเมื่อมีเงินลงทุนมากขึ้นก็สามารถลงทุนเพิ่มได้ เพียงแต่อย่าลืมว่า สิทธิในการลงทุนของเราได้สูงสุดเท่าไหร่ และไม่ลงทุนเกินสิทธิ

หากไม่ได้เสียภาษี การลงทุนใน RMF คงไม่ตอบโจทย์ ก็ต้องหันมามองหากองทุนเปิดทั่วไปที่ไม่ติดเงื่อนไขระยะเวลาการถือครอง จะทำให้เรามีอิสระมากขึ้น อยากซื้อเมื่อไหร่ก็ซื้อ ซื้อได้มากเท่าที่เราซื้อได้ (ลงทุนได้) ซึ่งกองทุนเปิดทั่วไป ยิ่งมีหลากหลายนโยบายอีก ต้องลองดูแล้วว่าเราจะลงทุนในอะไรดี

ถ้าเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ก็มีโอกาสกำไร และขาดทุนสูงเช่นกัน ดังนั้น ต้องมีระยะเวลาการลงทุนที่มากหน่อย 5 ปีขึ้นไปได้ยิ่งดี แต่ถ้าจะลงทุนแค่ปีนี้ ปีหน้าขายคืนเพื่อเอาเงินไปใช้ อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมประเภทตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมตลาดเงิน น่าจะดีกว่า ในเรื่องของโอกาสขาดทุนต่ำ แต่แน่นอนว่าโอกาสในการรับผลตอบแทนก็ต่ำไปด้วยเช่นกัน

ส่วนการเลือกลงทุนอื่นๆ ด้วยเงิน 1,000 บาท ที่ยังสามารถลงทุนได้ ก็ยังมีการลงทุนในทองคำ ทั้งผ่านกองทุนรวม หรือการออมทองก็ทำได้  ซึ่งการออมทองก็จะได้ทองจำนวนน้อยๆ ทางบริษัทจะมีแจ้งว่าเราได้ทองกี่กรัม และสะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ปริมาณทองหนัก 5 บาท จึงจะขอเป็นทองคำแท่งออกมาได้ แบบนี้ ก็ช่วยให้เรามีทองคำในอนาคต

ไม่ว่าจะลงทุนในอะไร เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แนะนำให้ลองดูก่อนว่า การลงทุนในครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร ต้องเอาให้ชัด ถ้าไม่ชัด เราจะล่องลอย เลือกไม่ถูก ถ้าลงทุนไปแล้วไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ก็อาจจะตกใจรีบขายคืน หากอยากลงทุนไปก่อน ก็ต้องพอรู้ตัวหน่อยว่า จะลงทุนนานประมาณเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุน

การลงทุนเดือนละ 1,000 บาท หากดูที่จำนวน หลายคนอาจคิดว่าน้อยจัง แต่ที่สำคัญ คือ การลงทุนอย่างสม่ำเสมอต่างหาก เงินมาก เงินน้อยไม่สำคัญ เท่ากับการมีวินัย การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญในการลงทุนจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยเท่าไหร่ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ