โดย…พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM
ปัจจุบันเราได้ยินคนพูดถึงเรื่อง Mindset กันมากขึ้น โดยความหมายของคำว่า Mindset คือ “กระบวนการทางความคิดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมต่างๆ ของเรา” ซึ่งกระบวนการทางความคิดนี้เกิดจากหลายสิ่งประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดู ประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมถึงความรู้ที่ได้รับจากการศึกษา
ทั้งหมดเหล่านี้ผสมผสานกลายเป็นกรอบความคิดที่ทำให้เกิดกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และนำไปสู่เหตุผลในการตัดสินใจเลือกทุกๆ อย่างในชีวิตของเรา รวมถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย
Mindset ส่งผลต่อการวางแผนการเงินของเราในทุกด้าน ตั้งแต่วางแผนการออม วางแผนประกัน วางแผนลงทุน และวางแผนเกษียณ ซึ่งถ้าหากเราลองพิจารณาคนรอบตัวก็จะพบว่า แต่ละคนมีกรอบความคิดและทัศนคติเรื่องเงินที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเรื่องการวางแผนเกษียณ บางคนมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวและเลือกที่จะใช้เงินเพื่อซื้อความสุขในปัจจุบัน ในขณะที่ตัวเราเองมองว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเลือกที่จะใช้เงินอย่างระมัดระวังมาก โดยแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนเพื่อคาดหวังให้มีเงินพอใช้จ่ายในช่วงเกษียณ คำถามก็คือ “ใครมี Mindset ที่ไม่ถูกต้อง?”
คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับ Mindset ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน (แน่นอนว่าเรามีแนวโน้มที่จะบอกว่าคนที่มีความคิดคล้ายกับเราคือ คนที่ถูกต้อง) สมมติว่าเราคิดว่าคนที่เลือกใช้เงินอย่างระมัดระวังมากคือคนที่ถูกต้อง และคนที่ใช้เงินเพื่อซื้อความสุขในปัจจุบันคือคนที่ไม่ถูกต้อง ความคิดแบบนี้นับว่าเป็น Fixed Mindset คืออะไรก็ตามที่ไม่เหมือนเราเท่ากับผิด
แต่หากลองเปิดใจพิจารณา สอบถาม และเรียนรู้ให้รอบด้าน เราอาจพบว่าคนที่ใช้เงินเพื่อซื้อความสุขในปัจจุบันไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิด แต่อาจเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างไปจากเรา เช่น คนในครอบครัว หรือบุคคลอันเป็นที่รักของเขาได้จากไปก่อนวัยอันควร โดยที่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงเพื่อซื้อความสุขในชีวิตก็เป็นได้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงมี Mindset แบบสุขนิยมคือ เน้นความสุขในปัจจุบัน
สังเกตได้ว่า Mindset ส่งผลกับการความคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรมของเราเสมอ โดยกลุ่มคนที่ยึดติดกับความคิด ความเชื่อ แบบเดิมๆ ของตัวเอง โดยที่ไม่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ที่แตกต่างออกไป เรียกว่า “Fixed Mindset” เช่น คิดไม่เหมือนเราเท่ากับผิด หรือไม่ต้องวางแผนเกษียณหรอกยังไงก็จากไปก่อนแก่ทั้งนั้น
ความคิดแบบ Fixed Mindset มักมีอัตตาเป็นที่ตั้ง โดยเป็นการเอาประสบการณ์ของตัวเองมาตัดสินความเป็นไปได้ของทั้งโลก ส่งผลให้ปิดกั้นการเรียนรู้ การพัฒนาตัวเอง รวมถึงมองไม่เห็นโอกาสในการวางแผนการเงิน โดยเฉพาะการลงทุนอีกด้วย
ในโลกของการลงทุน พบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนส่วนใหญ่มี Mindset ในการลงทุนที่ดี ที่เรียกว่า “Growth Mindset” นั่นคือการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ รับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น กล้าที่จะลงมือทำ และเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดโดยมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ รวมถึงยอมรับความแตกต่าง และเชื่อว่าทุกสิ่งมีความเป็นไปได้เสมอ ซึ่ง Growth Mindset สำหรับหลายคนอาจเป็นพรสวรรค์คือ มีติดตัวมาตั้งแต่แรก ด้วยความโชคดีที่สิ่งต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวส่งผลให้เป็นเช่นนั้น แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้มี Growth Mindset ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ต้องบอกว่าเป็นพรแสวงที่เราสามารถฝึกฝนและพัฒนาตัวเองได้
โดยขอแนะนำ Growth Mindset 3 ข้อที่นักลงทุนควรมีคือ
1) “เงินไม่มากก็ลงทุนได้” เพราะการยึดติดกับความคิดที่ว่า ต้องมีเงินมากๆ ก่อนถึงค่อยเริ่มต้นลงทุนนั้น ทำให้หลายคนเสียเวลารอสะสมเงินก้อนใหญ่ๆ รอไปรอมาไม่ได้ลงทุนเสียที และพอมีเงินก้อนใหญ่ๆ ก็นำไปลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียว ทำให้ขาดการกระจายความเสี่ยง ซึ่งถ้าหากไม่เป็นอย่างที่คาดหวังก็อาจส่งผลให้ขาดทุนทั้งจำนวนได้ ดังนั้น แนะนำให้ทยอยลงทุน เพื่อไม่ทิ้งโอกาส ไม่ทิ้งเวลาไปในแต่ละช่วง และได้กระจายความเสี่ยงด้วย
2) “เราสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นนักเก็งกำไร หรือนักลงทุนระยะยาว” ในโลกของการลงทุนมีสไตล์การลงทุนให้เลือกหลายอย่าง หลายรูปแบบ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนักลงทุนระยะยาวอย่างเดียวถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน ดังนั้น แนะนำให้เปิดใจเรียนรู้ ลองหาประสบการณ์จากการลงทุนทั้งสองแบบ เพื่อค้นหาว่าสไตล์ไหนเหมาะกับเรามากที่สุด
3) “ไม่มีใครสามารถตัดสินใจลงทุนแทนเราได้ 100%” การลงทุนปัจจุบันมีเครื่องมือลงทุนให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างพวก Robo-Advisor ซึ่งเชื่อว่าหลายคนน่าจะใช้เป็นช่องทางในการฝากผีฝากไข้ แต่ในความเป็นจริงตัวเราเองก็มีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเลือกนโยบายลงทุน การเลือกช่วงเวลาซื้อขาย การตัดสินใจที่จะลงทุนต่อไปหรือไม่ ดังนั้น แนะนำให้เราเรียนรู้อยู่เสมอ และทำความเข้าใจความต้องการ รวมถึงเป้าหมายในการลงทุนของตัวเองอยู่เสมอ