สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัท Booking Holdings ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวออนไลน์ ออกมาเผยข้อมูลว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 เท่า และสูงกว่าประมาณการ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนมาจากความต้องการเดินทางในยุโรปและสหรัฐฯ หลังจากผู้คนจำนวนมากต้องเลื่อนแผนการเดินทางมานาน
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เริ่มมีความหวังจากความต้องการเดินทางที่กลับมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม จากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่สูงขึ้น จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศอาจเป็นตัวขัดขวางการฟื้นตัวได้ โดยสหรัฐฯ เพิ่งตัดสินใจคงข้อจำกัดการเดินทางที่มีอยู่เอาไว้ แม้ว่าสายการบินจะพยายามเรียกร้องให้ผ่อนคลายมานานหลายเดือน
สำนักงานในคอนเนตทิคัตของ Booking ให้ข้อมูลว่า เอเชียซึ่งเป็นจุดหมายที่อัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำและจำนวนผู้ติดเชื้อสูง เป็นภูมิภาคที่ฟื้นตัวน้อยที่สุดในเดือน ก.ค. และยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากระดับปี 2019
ความกังวลที่มีต่อการแพร่ระบาดเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงฝูงชนในโรงแรมไปหาที่พักทางเลือก เช่น โฮมสเตย์ ซึ่งก็คิดเป็น 1 ใน 4 ของที่พักที่นำเสนอใน Booking.com ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
Glenn Fogel ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Booking ระบุว่า คนต่างมองหาที่พักทางเลือกมากกว่าที่เคยทำในอดีต และในอนาคตก็คาดว่าพวกเขาจะยังคงใช้ที่พักทางเลือกมากกว่าโรงแรม
สำหรับอัตราเข้าพักในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 59% จากช่วงไตรมาสแรก โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากความต้องการในยุโรปและสหรัฐฯ
ขณะที่ผลขาดทุนสุทธิของ Booking ปรับลดลงมาเหลือ 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 443 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีก่อนหน้า โดย Booking มียอดขาดทุนสุทธิ 2.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ซึ่งอยู่ที่ 2.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เนื่องจากค่าใข้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มเกือบเท่าตัว ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ในระดับ 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของ Refinitiv