สงครามทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย กำลังเพิ่มขึ้น หลังจากมีอาสาสมัครจากทั่วโลกเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย โดยพิจารณาจากข้อมูลของ Check Point Software Technologies เกี่ยวกับจำนวนการโจมตีทางไซเบอร์ที่ดำเนินการโดยทั้ง 2 ประเทศ นับตั้งแต่มีสงคราม
“นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมสงครามได้ โดยเราเห็นการเข้าร่วมในกลุ่มไซเบอร์ที่เกี่ยวข้อง มีทั้งกลุ่มที่มีคนจำนวนมากและรายบุคคลที่เลือกข้าง ถือเป็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์” Lotem Finkelstein หัวหน้าหน่วยข่าวกรองภัยคุกคามของ Check Point Software กล่าว
ทั้งนี้ พบว่า 3 วันหลังจากที่รัสเซียบุกเข้าโจมตียูเครน การโจมตีทางออนไลน์ไปยังภาคทหารและรัฐบาลยูเครนเพิ่มขึ้นถึง 196% ตามข้อมูลของ Check Point Research (CPR) นอกจากนี้พบว่า องค์กรในรัสเซียถูกโจมตีเพิ่มขึ้น 4% และในยูเครน เพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่การโจมตีส่วนอื่นของโลกลดลงไป
Yuval Wollman ประธาน บริษัท CyberProof บริษัทความมั่นคงทางไซเบอร์ และอดีตผู้อำนวยการทั่วไป กระทรวงข่าวกรองของอิสราเอล กล่าวว่า หน่วยงานกำกับยูเครน คาดว่า มีแฮกเกอร์จากนานาชาติกว่า 400,000 คน เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยูเครน
“มีอาสาสมัครเข้าร่วมการโจมตี เช่น สร้างข้อความต่อต้านสงครามหรือกราฟฟิกเผยแพร่ไปหลายแห่งบนหน้าสื่อของรัสเซีย และทำให้เกิดข้อมูลรั่วไหลจากการดำเนินงานของแฮกเกอร์คู่แข่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าจะเกิดการมีส่วนร่วมจากระดับคนทั่วไปเช่นนี้ จากคนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง” เขา กล่าว
ข้อมูลจาก CPR ชี้ว่า หลังจากผ่านการโจมตีมา 3 สัปดาห์ ยูเครนยังคงเผชิญการโจมตีอย่างต่อเนื่องบนออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีเป้าหมายที่รัฐบาลและการทหารมากที่สุด ขณะที่รัสเซียออกมาปฏิเสธเสมอเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโจมตีออนไลน์ หรือให้ความช่วยเหลือการโจมตีผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2022 สถานทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตัน ของสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า รัสเซียไม่เคยดำเนินการและไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นตรายในโลกไซเบอร์
Finkelstein กล่าวว่า ข้อมูลจาก CPR สะท้อนว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เห็นการโจมตีในรัสเซียลดลง ช่วงเวลาเดียวกัน อาจมาจากหลายเหตุผล เช่น รัสเซียพยายามลดการมองเห็นเกี่ยวกับการโจมตีหรือเพิ่มความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจมตีอยู่
ที่มา : CNBC