จีนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลงในเดือนเม.ย.สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 โดยนักลงทุนมีแนวโน้มเทขายตัดขาดทุน เนื่องจากราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลง หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่าง เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า จีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ลดลง 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.003 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ดอลลาร์ จากระดับ 1.039 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุให้จีนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐคือความพยายามของจีนที่จะเพิ่มความหลากหลายให้กับการถือครองเงินตราต่างประเทศ
การที่จีนเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้การถือครองพันธบัตรสหรัฐของต่างชาติโดยรวมลดลงในเดือนเม.ย. และหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีในช่วงต้นเดือนเม.ย.อยู่ที่ 2.3895% และพุ่งขึ้นประมาณ 0.55% แตะที่ 2.9375% ในช่วงสิ้นเดือนเม.ย.
ขณะที่ ญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงอีกในเดือนเม.ย. สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 ท่ามกลางการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้นักลงทุนญี่ปุ่นแห่เทขายสินทรัพย์สหรัฐเพื่อทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ลดลงสู่ 1.218 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. จาก 1.232 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
โดยรวมแล้ว ต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงสู่ 7.455 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 จาก 7.613 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.
ที่มา รอยเตอร์