2022 – Opportunities are never lost |
INVESTMENT STRATEGY
นักลงทุนต้องกลับไปสำรวจพอร์ตของตัวเองว่า หุ้นเทคฯที่มีอยู่ในพอร์ตเป็นหุ้นเทคประเภทไหน มีแต่เทคฯ ที่โตมากๆ แต่ไม่มีกำไร และลองดูว่าที่ผ่านมา ช่วงที่ Nasdaq ปรับฐาน นักลงทุนมีโอกาสเข้าสะสมหุ้นเทคฯเพิ่มแล้วหรือยัง ถ้ายังควรจะใช้จังหวะที่หุ้นเทคฯ ปรับฐาน ทยอยเข้าสะสมภายในปีนี้ โดยเฉพาะกองทุนลดหย่อนภาษีที่เป็นการลงทุนระยะยาวอย่าง SSF และ RMF ก็เป็นจังหวะที่ดีมากที่จะเข้าลงทุน เพราะถ้าช่วงเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ตลาดไม่กังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย หรือเงินเฟ้อ หุ้นเทคฯ ก็จะปรับตัวกลับขึ้นไปมา
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา BBLAM เริ่มทยอยส่งสัญญาณต่อเนื่องถึงการที่เฟดจะเริ่มทำจริงจังเรื่องของ QT เพื่อดึงเงินออกจากระบบ และจะส่งผลต่อดอกเบี้ยที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามมา แต่พอเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในยุโรปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากอันนำมาสู่ปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และ Fed ก็เริ่มเพิ่มดอกเบี้ยอย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่ง BBLAM ในช่วงต้นปีก็ส่งสัญญาณปรับพอร์ตสู้เงินเฟ้อ โดยส่งกองทุน B-GLOB-INFRA เข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มในพอร์ตลงทุน
และผลจากดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นทำให้ Growth stocks ในตลาดอเมริกาต่างปรับตัวลงมาเกือบทุกตัว ไม่เว้นกระทั่งหุ้นของธูรกิจที่ยังมีธุรกิจที่ดีอยู่ ทำให้ BBLAM ก็เริ่มส่งสัญญาณให้นักลงทุนเริ่มสะสมหุ้นราคาถูก พร้อมกับฉายภาพธุรกิจอนาคตที่น่าสะสมหุ้น ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวมพลังงานสะอาดอย่าง B-SIP กองทุนรวมนวัตกรรมสุขภาพอย่าง BCARE เป็นต้น และแน่นอนว่า B-INNOTECH ก็เป็นกองทุนรวมที่ BBLAM แนะนำ เพราะเทคโนโลยีถือเป็นธีมที่เป็นองค์ประกอบสำคัญทั้งวันนี้และอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาล่วงเลยเข้ามาถึงไตรมาส 4 ปีนี้ BBLAM ก็ยังแนะนำให้นักลงทุนยังคงจัดพอร์ตเพื่อสู้กับเงินเฟ้ออยู่ แต่ก็เริ่มแนะนำเพิ่มสัดส่วนสะสมหุ้นในบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาวที่เลือกลงทุนผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง SSF หรือ RMF เช่น กองทุน B-SIPRMF, B-SIPSSF, BCARERMF, B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF เป็นต้น เพราะเล็งเห็นว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งโอกาสที่เฟดจะหันมาบอกว่า เราเริ่มกังวลเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ดอกเบี้ยอาจหยุดขึ้น หรืออาจลดลง เมื่อประเมินแล้วก็มีความน่าจะเป็นเพิ่มมากขึ้น และเมื่อถึงเวลานั่นก็จะเป็นวันที่เรารอคอย
BBLAM มักเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ไม่ใช่ว่านักลงทุนพอได้ยิน BBLAM หรือหลายๆ ที่บอกว่า สะสมหุ้นเทคฯ ผ่านกองทุนได้แล้ว ก็รีบเข้าไปซื้อโดยไม่ได้ดูว่า กองทุนนั้นมีวิธีเลือกหุ้นเทคฯ แบบไหนเพื่อลงทุน นักลงทุนต้องกลับไปสำรวจพอร์ตของตัวเองว่า “หุ้นเทคฯ ที่มีอยู่ในพอร์ตตัวเองเป็นหุ้นเทคฯ ประเภทไหน มีแต่เทคฯ ที่เน้นโตมากๆ แต่ไม่มีกำไรไหม” เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นหุ้นเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ให้ประโยชน์เต็มที่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว
B-INNOTECH เป็นกองทุนที่ BBLAM มักนำมาเสนอแก่นักลงทุนเสมอในช่วงหลายปีที่ผ่านและรวมถึงปีนี้ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM มักให้ความเห็นถึงกองทุนนี้แก่นักลงทุนว่า “กองทุน B-INNOTECH เป็นการลงทุนในหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ลงทุนในหุ้นคุณภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ต้องมีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ หุ้นพวก FAANG ที่อยู่ในกองทุนนี้อยู่แล้ว ถ้าดูบริษัทที่ลงทุนก็จะเป็นบริษัทใหญ่ๆ ที่เรารู้จักกันดี เช่น Amazon, Alphabet, Netflix, Workday, Salesforce, Ericsson ที่สำคัญคือ กองทุนนี้ถึงแม้จะเป็นกองทุนแบบ เทคโนโลยี และเป็นหุ้นเติบโต แต่หากเอากองนี้ไปเทียบกับกองอื่นๆ ในท้องตลาดที่ลงทุนในเทคโนโลยีเหมือนกัน จะเห็นว่ากองทุนไม่ใช่เทคฯ แบบ High growth แต่จะมีลักษณะเทไปด้าน value มากกว่า และอีกข้อหนึ่งที่เป็นลักษณะเด่นของกองทุนนี้ คือ การลงทุนลักษณะนี้ ในช่วงขาลงจะลงน้อย ทำให้กองทุนใช้เวลาฟื้นตัวไม่นาน ซึ่งเหมาะกับการลงทุนระยะยาว”
นักลงทุนได้มีโอกาสเข้าสะสมหุ้นเทคฯ เพิ่มแล้วหรือยัง ถ้ายัง ควรจะใช้จังหวะที่หุ้นเทคฯ มีการปรับฐาน ทยอยเข้าสะสมในปีนี้ หรืออย่าง SSF, RMF ก็เป็นจังหวะที่ดีมากที่จะเข้าซื้อ เพราะถ้าช่วงเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ตลาดไม่กังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หรือเงินเฟ้อชะลอแล้ว หุ้นเทคฯ ก็จะปรับตัวกลับขึ้นไป ตามกำไรที่ธุรกิจทำได้
แนะนำกองทุน B-INNOTECH และถ้าต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำกองทุน B-INNOTECHRMF และกองทุน B-INNOTECHSSF
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/19-23-2022