“กลยุทธ์ของผู้จัดการกองทุนหลักเน้นลงทุน โดยพิจารณาจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีกำไรของกิจการแข็งแกร่ง มี ROE สูง (Blue Chip) เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนอีกระยะหนึ่ง การเน้นลงทุนในหุ้น Blue Chip ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และกลุ่ม Defensive จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้ อีกทั้งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ การลงทุนแบบ Conservation เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์”
ภาพรวมตลาด
ตั้งแต่ต้นปี ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีแรงขายอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเติบโต โดยในเดือนกรกฎาคม ดัชนี TOPIX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.71% และในสิงหาคม ดัชนี TOPIX มีเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพิ่มขึ้น 1.18% เพราะยังมีความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลก การอ่อนค่าของเยนทำให้เห็นแรงซื้อในหุ้นบางตัวที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
พอร์ตการลงทุน
• ผลการดำเนินงานของกองทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม หนุนโดยการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเติบโต โดยสิ้นเดือนสิงหาคม กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนที่ 8.28% มากกว่าดัชนีชี้วัดที่ 2.40% อย่างไรก็ตาม เมื่อดูย้อนหลัง 1 ปี กองทุนยังคงมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าดัชนีชี้วัด เพราะตั้งแต่ต้นปี หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และการเงินมีผลตอบแทนที่ดีจากปัจจัยเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่กองทุนมีน้าหนักการลงทุนน้อยกว่าดัชนี ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนน้อยกว่าดัชนีชี้วัด
• กลยุทธ์ของผู้จัดการกองทุนหลักเน้นลงทุน โดยพิจารณาจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีกำไรของกิจการแข็งแกร่ง มี ROE สูง (Blue Chip) เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนอีกระยะหนึ่ง การเน้นลงทุนในหุ้น Blue Chip ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และกลุ่ม Defensive จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้ อีกทั้งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ การลงทุนแบบ Conservation เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์
• กองทุนเน้นลงทุนเพิ่มในหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เช่น Shin-Etsu Chemical, Chugai Pharmaceutical และลดน้ำหนักในหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจ เช่น Suzuki ที่มีผลตอบแทนในส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ลดลง และ JustSystems แอปพลิเคชันเพื่อการศึกษาช่วงวัยประถม ที่แนวโน้มการเติบโตของสมาชิกลดลง นอกจากนี้ กองทุนยังมีการขายทำกำไรในหุ้นบางตัว เช่น Fast Retailing, Daikin Industries เป็นต้น
มุมมองในอนาคต
Nomura Securities Financial & Economic Research Centre คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนสำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2566 เพิ่มขึ้น +10.9% (yoy) (อ้างอิงจากข้อมูลของ Russell/Nomura Large Cap Index, excluding financials คาดการณ์ ณ 31 สิงหาคม 2565) และในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดมีนาคม 2567 คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตต่อเนื่อง +7.9%
Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น
หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจาก การใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้
ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน ในกองทุน RMF/SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่ง ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต