สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 3% ในการค้าเอเชียช่วงแรกในวันจันทร์ เนื่องจากกลุ่มองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) พิจารณาลดกำลังการผลิตสูงสุด 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อสนับสนุนตลาด
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้น 2.82 ดอลลาร์ หรือ 3.3% สู่ 87.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (23.37 GMT) หลังจากปิดตัวลง 0.6% ในวันศุกร์ ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐอยู่ที่ 82.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 3.3% หลังจากขาดทุน 2.1% ในช่วงก่อนหน้า
โดยราคาน้ำมันร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากการล็อกดาวน์ของผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของจีน ส่งผลกระทบต่อดีมานด์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนราคา OPEC+ กำลังพิจารณาที่จะลดกำลังการผลิตลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อนการประชุมในวันพุธ ซึ่งนี่จะเป็นการตัดลดรายเดือนติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ของกลุ่มหลังจากที่ลดการผลิตลง 100,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนที่แล้ว
ที่มา: รอยเตอร์