สหภาพแรงงานฝรั่งเศสเริ่มการประท้วงหยุดงานทั่วประเทศ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
วันที่ 18 ตุลาคม 2565 รอยเตอร์ส รายงานว่า สหภาพแรงงานฝรั่งเศสเริ่มประท้วงหยุดงานทั่วประเทศ เรียกร้องให้มีการขึ้นเงินเดือน ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้ “เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ต้องเผชิญหนึ่งในความท้าทายที่หนักหนาที่สุด นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม
ฟรานซ์ทเวนตี้โฟร์ รายงานว่า การนัดหยุดงานประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากคนงานในโรงกลั่นและคลังน้ำมันหลายแห่งที่ดำเนินการโดยยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน “โททัลเอ็นเนอร์จี” โหวตให้ขยายเวลาการหยุดงานประท้วงออกไปอีก
ความเคลื่อนไหวของคนงานเหล่านี้ ส่งผลอย่างยิ่งต่อการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือและภาคกลางของฝรั่งเศส รวมถึงในกรุงปารีส
ผู้นำสหภาพแรงงานหวังว่า บรรดาคนงานจะถูกกระตุ้น จากการที่รัฐบาลตัดสินใจบังคับให้คนงานบางส่วนกลับไปทำงานที่คลังน้ำมัน
“โอลิวิเยร์ เวรอง” โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส กล่าวว่า อาจมีการเรียกร้องขอพนักงานเพิ่มขึ้นในระหว่างวัน เนื่องจากคนขับรถยังคงต้องต่อคิวยาวตามปั๊มน้ำมัน
สหภาพแรงงานฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้มีการหยุดงานต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ “โททัลเอ็นเนอร์จี” แม้ว่า บริษัทน้ำมันดังกล่าวจะบรรลุข้อตกลงกับคนงานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มค่าจ้าง 7% และการเพิ่มโบนัส แต่ทางสหภาพแรงงานยังปักหลักเรียกร้องเพื่อให้มีการขึ้นเงินเดือน 10% โดยอ้างถึงอัตราเงินเฟ้อและผลกำไรมหาศาลของบริษัท
ยูโรสตาร์ ระบุว่า ต้องยกเลิกบริการรถไฟบางขบวนที่เดินทางระหว่างลอนดอนและปารีส เนื่องจากการหยุดงานประท้วง
SNCF ผู้ให้บริการรถไฟสาธารณะของฝรั่งเศส เผยว่า การจราจรบนเส้นทางเชื่อมต่อต่างๆ ลดลง 50% แต่ไม่มีการหยุดชะงักครั้งใหญ่ในเส้นทางภายในประเทศ
ในขณะที่ ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซน การนัดหยุดงานประท้วงยังได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของภาคพลังงาน ซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านนิวเคลียร์อย่าง “อีดีเอฟ” จึงทำให้งานบำรุงรักษาที่สำคัญสำหรับแหล่งจ่ายไฟของยุโรป ต้องล่าช้าออกไป
ที่มา: รอยเตอร์