บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลกบางแห่ง เช่น เป๊ปซี่โค, มาร์ส และเนสท์เล่ มีแนวโน้มค่อนข้างแน่นอนที่จะพลาดเป้าหมาย ทำให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีความยั่งยืนมากขึ้นภายในปี 2568
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า รายงานที่จัดทำ โดยบริษัท เอลเลน แม็คอาร์เธอร์ ฟาวน์เดชั่น และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นอีพี) เปิดเผยว่า บางบริษัท ซึ่งรวมถึงโคคา-โคล่า และเป๊ปซี่ กำลังใช้พลาสติกผลิตใหม่มากขึ้น แม้จะมีการให้คำมั่นว่าจะลดการใช้ก็ตาม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทแบรนด์ใหญ่หลายสิบแห่งตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการรีไซเคิลพลาสติก และลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ในความร่วมมือกับบริษัท เอลเลน แม็คอาร์เธอร์ ฟาวน์เดชั่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับหลักฐานรับรองการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของพวกเขา
แม้คำมั่นสำคัญ คือ บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ, รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ภายในปี 2568 แต่รายงานของกลุ่มสิ่งแวดล้อมระบุว่า เป้าหมายนี้ “แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับองค์กรส่วนใหญ่”
นอกจากนี้ องค์กรสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” ยังกล่าวเสริมว่า รายงานดังกล่าว คือ หลักฐานที่ทำให้เห็นว่า เป้าหมายขององค์กรที่ตั้งใจประสบความล้มเหลว และเรียกร้องให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) สร้างสนธิสัญญาที่บังคับให้รัฐบาลและบริษัทต่างๆ ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งน้อยลง
“สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำให้ทำให้มั่นใจได้ว่า สนธิสัญญาพลาสติกโลกจะช่วยลดการผลิตและการใช้พลาสติกอย่างมาก” นายเกรแฮม ฟอร์บส์ หัวหน้าโครงการยูเอสเอ โกลบอล พลาสติกส์ ของกรีนพีซ กล่าว “อะไรก็ตามที่น้อยไปกว่านี้ จะสร้างความเสียหายต่อชุมชมและสภาพอากาศของพวกเรา”
ที่มา: รอยเตอร์