ธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวเตือนว่า สหราชอาณาจักรจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในภาวะตกต่ำคาดว่าจะกินเวลาไปจนถึงปี 2567 โดยมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก ในขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าไปแตะที่ระดับ 6.5% ในช่วงสองปีที่เศรษฐกิจจะถดถอยนี้
ธนาคารอังกฤษ คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี จะลดลงราว 0.75% ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สะท้อนให้เห็นถึงรายได้ที่แท้จริงที่บีบรัดจากราคาพลังงาน และสินค้าซื้อขาย โดยการเติบโตจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566 ไปจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของ 2567 จากราคาพลังงานที่สูง และสภาวะทางการเงินตึงตัวที่ถ่วงการใช้จ่าย
ในการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า อังกฤษจะเห็นภาวะถดถอยที่ยาวนาน และย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่มีการเก็บตัวเลขมาราว 100 ปี โดยคาดว่าภาวะถดถอยครั้งนี้จะกินระยะเวลาถึงห้าไตรมาสไปจนถึงช่วงสิ้นปี 2566 ซึ่งนานกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551
คาดการณ์เรื่องภาวะถดถอยนั้นมีขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 33 ปีของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อครั้งด้วยการลงคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวจาก 2.25% สู่ระดับ 3%
การขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่แปดติดต่อกันแสดงให้เห็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางที่ต้องการเข้าควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงจนแตะระดับ 10.1% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ 40 ปี จากเป้าหมายของธนาคารกลางที่วางไว้ 2%
นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า ตลาดแรงงานของสหราชอาณาจักรที่ตึงตัวส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าธนาคารกลางจะมองว่าเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่า 10% ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2566 ก็ตาม โดยระบุว่าตลาดแรงงานจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขึ้นลงของอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอังกฤษยังส่งสัญญาณที่มีความดุดันลงหลังเห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัว และการปรับนโยบายงบประมาณประจำปี โดยระบุว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตน่าจะมีความแข็งกร้าวที่น้อยกว่าคาด ซึ่งหากการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะยังจำเป็นอยู่เพื่อให้เงินเฟ้อปรับตัวลดลงมาถึงระดับเป้าหมายที่วางไว้
หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.118 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษปรับตัวสูงขึ้น
นายฮูว พิลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ ระบุว่า อังกฤษจะยังต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้โดยไม่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมากจนเกินไป
ทั้งนี้ การทำคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษนั้นค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนต่องบประมาณประจำปี นอกจากนั้นแล้วธนาคารกลางยังจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงตลาดเงินในเดือนกันยายน โดยประกาศเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลหลังแผนงบประมาณของนางลิซ ทรัสส์ล้มเหลว จนสร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
ที่มา: ซีเอ็นบีซี