BTSGIF เตรียมจ่ายคืนเงินทุน 0.146 บาท วันที่ 13 ธ.ค.นี้

BTSGIF เตรียมจ่ายคืนเงินทุน 0.146 บาท วันที่ 13 ธ.ค.นี้

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) เตรียมนำเงินสดจากการดำเนินงาน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2565  จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปการคืนเงินทุนจดทะเบียนหน่วยละ 0.146 บาท  ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้  จากหน่วยละ 9.395 บาท  เหลือหน่วยละ 9.249 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน  เพื่อกำหนดสิทธิในการรับคืนเงินทุนในวันที่  28 พฤศจิกายน 2565 และจะจ่ายคืนเงินทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 13 ธันวาคม 2565

ในรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน 2565 (ไตรมาสที่ 2 ปี 2565/2566) กองทุน BTSGIF มีขาดทุนสะสม ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 จำนวน 15,770.5 ล้านบาท ดังนั้น กองทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับงวดนี้ได้  อันเป็นไปตามหลักเกณฑ์และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระบุในหนังสือชี้ชวนของกองทุน

ทั้งนี้ สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง อีกทั้งรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นตามลำดับ ประกอบกับสำนักงานทั่วไป ตลอดจนสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการกลับมาเปิดทำการและเปิดการเรียนการสอนกันแล้วตามปกติ ทำให้กองทุน BTSGIF มีจำนวนผู้โดยสารที่ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยมา อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า นับจากนี้ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากการโดยสารรถไฟฟ้า BTS นับเป็นทางเลือกในการเดินทางของคนเมือง ซึ่งคาดว่า น่าจะช่วยทำให้กองทุน BTSGIF สามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยได้ทุกไตรมาสเช่นเดิม    และอาจจะได้ในอัตราเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บางไตรมาสจะไม่ได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหน่วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2565 (ไตรมาสที่ 2 ปี 2565/2566) กองทุน BTSGIF มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ เท่ากับ 847.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.6 เท่าจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 50.7% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักเนื่องจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดยที่รายได้ค่าโดยสาร เท่ากับ 1,301.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30.5% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 277.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  และเพิ่มขึ้น 31.2%  จากไตรมาสก่อน เป็น 40.2 ล้านเที่ยวคน จากการคลี่คลายของ COVID-19 รวมถึงอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

15 พฤศจิกายน 2565