เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อินเดียกลับมาอยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาดตราสารทุนชั้นนำของโลกตามมูลค่า หลังจากฝรั่งเศสขึ้นแซงในช่วงสั้นๆ ระหว่างเกิดการเทขายหุ้นของบริษัทในเครือ Adani Group จากการที่ Hindenburg Research กล่าวหาว่า Adani Group ใช้แหล่งหลบภาษีและการปั่นหุ้นอย่างไม่เหมาะสม แม้กลุ่มบริษัทได้ปฏิเสธการกระทำผิดกฎหมายใดๆ
โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของอินเดียอยู่ที่ 3.15 ล้านล้านดอลลาร์ในวันศุกร์ (10 ก.พ.2566) ขึ้นแซงหน้าฝรั่งเศส โดยที่อังกฤษรั้งอันดับ 7 ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก ซึ่งแสดงมูลค่ารวมของบริษัทที่มีรายชื่อหลักในแต่ละประเทศ
แนวโน้มการเติบโตของรายได้ช่วยฟื้นความน่าสนใจของตลาดหุ้นของประเทศในเอเชียใต้ ซึ่งมีผลประกอบการดีกว่าบริษัทอื่นทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงกระนั้นมูลค่ารวมของตลาดอินเดียก็ต่ำกว่าวันที่ 24 มกราคม ประมาณ 6% ซึ่งเป็นวันก่อนที่การขายหุ้น Adani จะเริ่มขึ้น ในขณะที่ขั้นตอนของกลุ่มเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ช่วยให้หุ้นของบริษัทได้รับมูลค่ากลับคืนมา แต่ยังคงต่ำกว่าก่อนที่มูลค่าตลาดลดลง 120,000 ล้านดอลลาร์
หลังจากถอนเงินทุนจากตลาดหุ้นอินเดียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิในช่วง 2 ใน 7 ช่วงของเดือนนี้จนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ การซื้อดังกล่าวเป็นไปตามแผนของรัฐบาลเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านทุน ขณะที่สัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าลง
เมื่อฤดูการรายงานรายไตรมาสล่าสุดเผยออกมา นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัท MSCI ในอินเดียจะเพิ่มขึ้น 14.5% ในปีนี้ ซึ่งคล้ายกับความคาดหวังของจีนและดีกว่าตลาดหลักส่วนใหญ่ ข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg Intelligence show ในทางตรงกันข้าม EPS ของบริษัทในสหรัฐฯ อาจจะเติบโต 0.8% โดยที่ตัวเลขของบริษัทในยุโรปคาดว่าจะเกือบจะทรงตัว
ที่มา: บลูมเบิร์ก