BF Knowledge Tips: ลงทุนกับของแบรนด์เนม ด้วยเงินเพียงหลักร้อย

BF Knowledge Tips: ลงทุนกับของแบรนด์เนม ด้วยเงินเพียงหลักร้อย

โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP® , BBLAM

ยุคของแพง เงินเฟ้อสูง เงินบาทอ่อน แบบนี้จะซื้อของ Brand มาใช้ได้ยังไง หลายคนที่คิดแบบนี้และคิดว่าของดีๆ แพงๆ คงไม่มีใครซื้อหรอก แล้วหันมาใช้ของที่ราคาถูกกว่า คุณภาพพอใช้ได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคน  นั่นเป็นเพราะว่า ของดีๆ ของ Brand Name มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างยาวนาน ยิ่งเรื่องคุณภาพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลายยุคหลายสมัย

ซึ่งใครที่สนใจอยากจะเป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนม ปัจจุบันต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะตอนนี้ BBLAM มีกองทุนเปิด B-PREMIUM ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของ Pictet – Premium Brands ที่ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าและบริการระดับบน (Premium Brands Sector) ที่มีคุณภาพสูงทั่วโลก ทั้งในกลุ่ม Luxury อย่าง Hermes, LVMH กลุ่ม Food & Drinks อย่าง Starbucks กลุ่ม Sport อย่าง NIKE, Addidas, กลุ่ม Travel อย่าง Marriott, Hilton กลุ่ม Cosmetic อย่าง L’OREAL, SHISEIDO, กลุ่ม Car อย่าง TESLA, Ferrari  โดยบริษัทเหล่านี้ถูกจดจำหรือรับรู้โดยผู้บริโภคในตลาด เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีอิทธิพลในการกำหนดความนิยมของผู้บริโภค รวมถึงอาจมีความสามารถในการกำหนดราคาด้วย

ยกตัวอย่าง แบรนด์เครื่องหนัง อย่าง Hermes (แอเมส) แค่มีเงินก็ยังซื้อไม่ได้ โดยเฉพาะกระเป๋ารุ่นที่เป็นที่นิยมตลอดกาลอย่าง Hermes Birkin และ Hermes Kelly เพราะทางร้านจะยังไม่ยอมให้สั่งซื้อจนกว่าจะได้ทดลองใช้สินค้าของเขาก่อน เรียกว่าต้องเป็นครอบครัว Hermes ก่อนนั่นเอง เมื่อได้จองกระเป๋าใบที่ต้องการแล้วก็ใช่ว่าจะได้โดยทันที เพราะอาจจะต้องรอนานอีก 2-3 ปี หรืออีกหลายปีก็ได้ เพราะทาง Hermes อาจจะผลิตกระเป๋ารุ่นที่เราต้องการในปีนี้ แต่ไม่ใช่สีที่เราชอบ ไม่ใช่วัสดุที่เราต้องการ ก็ทำให้เราต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ปีหน้าจะผลิตสีกับวัสดุตรงกับที่เราต้องการหรือเปล่า ซึ่งกระเป๋าทั้ง 2 รุ่นของ Hermes ได้กลายเป็นไอเท็มที่บ่งบอกระดับของคนที่ถือ ทั้งชนชั้นและแฟชั่น ยิ่งซื้อยาก ยิ่งอยากได้ และยิ่งทำให้ของมีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

นอกจากกระเป๋าแบรนด์เนมอย่าง Hermes ที่สูงด้วยคุณภาพและราคาแล้ว สาวๆ หลายคนที่ใฝ่ฝันอยากมีกระเป๋าสักใบที่จับต้องได้คงหนีไม่พ้นกระเป๋า Louis Vuitton (หลุยส์ วิตตอง) ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์หรูดูดีมีระดับ ทั้งความทนทานและทันสมัย ซึ่งปัจจุบัน Louis Vuitton เป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรแบรนด์หรู LVMH ซึ่งมีทรัพย์สินกว่า 186,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ไม่ได้ทำให้มูลค่า หรือราคาของสินค้าแบรนด์เนมลดลงแต่อย่างใด แต่กลับมีราคาเพิ่มสูงขึ้นด้วยส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เงินเฟ้อและดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยลงทุนกับสินค้าที่มีมูลค่าในอนาคต นอกจากนี้ การขึ้นราคา ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการตลาดและการขาย ยิ่งขึ้นราคายิ่งทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว เห็นว่าซื้อแล้วราคาไม่ได้ตกลง ก็ยิ่งชื่นชมและกลับมาซื้อใหม่เรื่อยๆ

ซึ่งใครที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์เนม นอกจากจะซื้อของแบบจับต้องได้แล้ว หรือไปพักผ่อนในโรงแรมที่มีมาตรฐานระดับโลกอย่างเครือ Marriot แล้วอยากเติบโตไปกับธุรกิจเหล่านี้ โดยเชื่อมั่นถึงการจับจ่ายใช้สอยของชนชั้นกลางระดับบนที่ต้องการของหรูหราเพิ่มมากขึ้นในทุกภาวะเศรษฐกิจ ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิด B-PREMIUM ได้ง่ายๆ ซึ่งช่วงเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 14-21 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ แน่นอนว่าช่วงพิเศษ ค่าธรรมเนียมขายลดถึง 50% เหลือเพียง 0.50% เท่านั้น เริ่มต้นลงทุนกันง่ายๆ เพียงแค่ 500 บาทก็ลงทุนเป็นเจ้าของแบรนด์เนมกันได้แล้ว ลงทุนก่อน มีโอกาสให้เงินเติบโตก่อนค่ะ