SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.23760 บาทต่อหน่วย วันที่ 12 มิถุนายน 2566 นี้ 

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.23760 บาทต่อหน่วย วันที่ 12 มิถุนายน 2566 นี้ 

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 หรือระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.23760บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่  29 พฤษภาคม  2566  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 มิถุนายน 2566

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน  จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 14 ครั้ง คิดเป็นเงิน  2.82476 บาทต่อหน่วย   และจ่ายเงินคืนทุนไป  3 ครั้ง   คิดเป็นเงิน  0.220 บาทต่อหน่วย  รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น  3.04476  บาทต่อหน่วย

สำหรับสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี  2566  พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ   224.9 ล้านบาท  ลดลง 0.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 20.2% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่   179.9 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น   24.7% จากไตรมาสก่อน  ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่  80.0%  ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน   ซึ่งอยู่ที่ 81.6%  แต่สูงกว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 77.1%

ทั้งนี้  กองทุนรวม   SUPEREIF  ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท  17  อัญญวีร์  โฮลดิ้ง  จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ  ปราจีนบุรี  สระแก้ว  พิจิตร   และเพชรบูรณ์    โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค    หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14 สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

15 พฤษภาคม 2566