ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผลักดันโดยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ในขณะที่ นักลงทุนเฝ้าจับตามองการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านี้
ราคาทองคำสปอตปรับตัวสูงขึ้น 0.41% แตะ 1,947.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อเวลา 16:11 ตามเวลาประเทศไทยวานนี้ หลังจากที่ลดลง 1% ในการซื้อขายวันก่อนหน้า ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าหนึ่งเดือนอยู่ที่ระดับ 1,960.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และราคาทองคำแท่งทรงตัวอยู่เหนือจุดต่ำสุดของวานนี้
Ajay Kedia ผู้อำนวยการ Kedia Commodities จากอินเดีย ระบุว่า ทองคำได้แรงหนุนจากความคาดหวังของนักลงทุนที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์หน้านี้ ส่งผลให้ราคาทรงตัวอยู่ในช่วง 1,930-1,985 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งอาจพุ่งทะยานเหนือแนวต้านได้หลังได้ข้อสรุปนโยบายการเงินจากธนาคารกลางแล้ว
ผลสำรวจจากรอยเตอร์ ระบุว่า เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปีที่ธนาคารกลางสหรัฐคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม
ด้านธนาคารกลางแคนาดาเพิ่งประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ที่ 4.75% โดยตลาดและนักวิเคราะห์ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบในเดือนกรกฎาคม เพื่อเข้าควบคุมเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงตัวอยู่ในระดับสูง
Clifford Bennett หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจจาก ACY Securities ระบุว่า ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้านี้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนั้นแล้ว การอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ส่งผลให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลต่างประเทศ นอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ
Robert Kaplan อดีตประธานเฟด สหรัฐฯ มีความเห็นว่า ควรที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากวิกฤตการเงินของกลุ่มธนาคารนั้นยังไม่จบ และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะตกอยู่ที่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่พึ่งพาการกู้ยืมจากธนาคารเป็นหลัก
David Zervos หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Jefferies มีมุมมองเหมือนกับตลาดส่วนมากที่เห็นว่า เฟดควรจะข้ามการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ไปก่อน หลังจากที่เห็นการลดลงของอัตราเงินเฟ้ออย่างเห็นได้ชัดเมื่อเดือนเมษายน แม้จะยังอยู่ในระดับที่สูงก็ตาม และหากยังต้องการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อกดเงินเฟ้อให้ลงมาในระดับที่ต่ำกว่านี้ก็ยังสามารถทำได้ในการประชุมครั้งถัดไป ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือการขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินไป
ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเดือนพฤษภาคมในวันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมของเฟดที่จัดการประชุมในวันเดียวกัน โดยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
CME FedWatch Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดอัตราความเป็นไปได้ของนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐจากมุมมองของตลาด ซึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ ตัวเลขชี้ให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ 70.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้ และโดยยังมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 29.9%
ที่มา: ซีเอ็นบีซี