“อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐบาลหรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade”
มุมมองตลาดตราสารหนี้
• การลงทุนในตลาดตราสารหนี้โลกในปี 2023 มีความน่าสนใจมากขึ้น จากอัตราผลตอบแทน ในการถือครองตราสารหนี้โดยรวม ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
• แนวโน้มตลาดในระยะต่อไป คาดว่าการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่จุดสูงสุดของวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ย จากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงจากจุดสูงสุด รวมถึงภาคธนาคารเริ่มส่งสัญญาณถึงผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ต่อคุณภาพสินทรัพย์และราคาตราสารที่ธนาคารลงทุน นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านเพดานหนี้สหรัฐอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการใช้งบประมาณการคลัง ซึ่งอาจเป็นการซ้ำเติมความกังวลด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐบาล หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade
พอร์ตการลงทุน
• กองทุน B-DYNAMIC BOND มีสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ ประมาณ 69.08% (Core Portfolio) ในกองทุน PIMCO Global Bond Fund โดยกองทุนดังกล่าวมีแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ตราสารหนี้ของกองทุนบัวหลวง ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้กลุ่ม Investment Grade โดยหลักทรัพย์ที่ PIMCO Global Bond Fund ลงทุน มีอันดับเครดิตเฉลี่ยที่ AA ถือว่ามีความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ในระดับต่ำ ซึ่งตราสารหนี้กลุ่มดังกล่าว คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในกรณีที่เกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
• ในขณะเดียวกัน พอร์ตยังมีสัดส่วนการลงทุนในกองทุน Franklin US Government Bond Fund ที่ 9.29% เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย Ginnie Mae ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ที่เสนออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระดับที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล
• นอกจากนี้ยังได้กระจายการลงทุน (Satellite portfolio) ในกองทุนที่เสนออัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ยังคงมีอันดับเครดิตเฉลี่ยในระดับ Investment grade ที่ ได้แก่ กองทุน PIMCO Income Fund (4.49%) ซึ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนมากขึ้น รวมถึงกองทุน Fidelity China RMB Bond Fund (4.14%) ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้สกุล RMB จากแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนมีโอกาสฟื้นตัวจากการเริ่มคลายมาตรการควบคุมโรค
• ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนคาดว่าการลงทุนภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยสร้างผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตรในระดับที่ดี และมีความเสี่ยงด้านความสามารถในการชาระหนี้ในระดับต่ำ