ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มที่ค่อนข้างแน่นอนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 22 มิถุนายน 2566 นี้ ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยของอังกฤษขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดรอบ 15 ปี ที่ 4.75% และยังจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 13 เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างคาดไม่ถึง และจะส่งผลให้อังกฤษกลายเป็นประเทศเดียวที่ยังคงดิ้นรนกับสภาวะเงินเฟ้อที่สูงอยู่
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนมีการคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึง 6% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้สำหรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด และธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี และหากอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงระดับดังกล่าว จะทำให้เป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543
นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษใช้เวลานานเกินกว่าที่ควรจะเป็นในการกลับลงมาสู่ระดับเป้าหมาย ในขณะที่ ตลาดแรงงานยังตึงตัวมาก
เบลีย์ยังกล่าวขึ้นอีกหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขค่าแรงพื้นฐานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน ปรับตัวสูงขึ้น 7.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยังเป็นการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บตัวเลขมา โดยยกเว้นในช่วงโควิด-19 ที่ตัวเลขมีการผันผวน
ถึงแม้ว่า ค่าแรงจะยังคงต่ำอยู่เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ตัวเลขที่สูงขึ้นนั้นส่งผลให้ตลาดยิ่งมองว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ และความคาดหวังดังกล่าวนั้นก็ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลอายุสองปีพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
เมื่อสามสัปดาห์ก่อนตลาดก็เห็นการปรับตัวสูงขึ้นของพันธบัตรรัฐบาล และความเป็นไปได้ของการขึ้นดอกเบี้ยในแบบเดียวกันนี้ หลังจากที่ข้อมูลจากรัฐบาลชี้ให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของเดือนเมษายนนั้นปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยอยู่ที่ 8.7% ซึ่งสูงสุดร่วมกันกับอิตาลีในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
Katharine Neiss หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปสำหรับการลงทุนสหรัฐฯ จาก PGIM และอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า สิ่งที่สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมาก ซึ่งจริงๆ แล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกประสบปัญหาเดียวกันหมด แต่สำหรับธนาคารกลางอังกฤษนั้นจะต่างจากที่อื่นเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม Neiss มองว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงจนถึงกับระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับระบุว่าอังกฤษเดินมาถูกทางแล้ว
ด้านตัวเลขจากรอยเตอร์โพล ชี้ให้เห็นว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียงสองครั้งเท่านั้น โดยจะดันอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ 5% ภายในสิงหาคม หรือกันยายน
และถ้าหากคาดการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นจริง จะเท่ากับว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะเหลือกระสุนพอๆ กับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตลาดยังคงมองว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้ง และธนาคารกลางยุโรปที่เพิ่งประกาศขึ้นดอกเบี้ยไป 0.25% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณว่าน่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนกรกฎาคม
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้ออังกฤษของเดือนพฤษภาคมจะประกาศในวันพุธที่ 21 มิถุนายนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมพลังงานและอาหาร ก็สร้างความตกใจให้กับตลาดหลังปรับตัวสูงขึ้นแตะ 6.8% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 โดยในขณะนี้ ตลาดคาดว่ามีโอกาสเพียงแค่ 15% เท่านั้นที่ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
ที่มา: รอยเตอร์