“จีน” เร่งเครื่องติดตั้ง “EV Charger” เฉียดล้านจุดภายในสิ้นปี แซง “ดีมานด์” ตลาดในประเทศ มองไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองหากเทียบกับโอกาส-มูลค่าแข่งขัน ตั้งเป้าคว้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์โลก
ความคืบหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนบนเป้าหมายขอเป็นเบอร์หนึ่งโลก โดยล่าสุด สำนักข่าว บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ขณะนี้ จีนกำลังติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยจำนวนที่มากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แม้จะมีหลายฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโปรเจกต์ดังกล่าว เพราะมองว่า จำนวน “EV Charger” อาจมีมากเกินความจำเป็นในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ทางการจีน มองว่า ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง-บำรุงรักษานั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับโอกาสทางการตลาดที่มีมูลค่ามากถึงล้านล้านดอลลาร์ เชื่อว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้จีนสามารถคว้าส่วนแบ่งที่มากขึ้นในตลาดรถยนต์โลกได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา “จีน” ติดตั้ง “EV Charger” ไปแล้วกว่า 649,000 หัวจ่ายทั่วประเทศ มากกว่าสัดส่วนเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มพันธมิตรสนับสนุนโครงข่ายชาร์จรถไฟฟ้าของจีน (China Charging Infrastructure Promotion Alliance) คาดการณ์ว่า การติดตั้งจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และภายในปี 2566 จะมีการติดตั้งรวมทั้งสิ้น 975,000 หัวจ่าย มากกว่าสองเท่าของจำนวนเครื่องชาร์จทั่วโลกรวมกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า ปีที่ผ่านมา “EV Charger” ใช้ไฟฟ้าในจีนรวมกันสูงถึง 21 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง มากกว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศรวมกัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ราว 91 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าอัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเทศทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกลุ่มที่ออกมาต่อต้านการเพิ่มการติดตั้ง “EV Charger” เพราะมองว่า การตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ไม่คุ้มทุนและอาจเปล่าประโยชน์ แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่า นี่คือ “การเสียสละที่คู่ควร” เนื่องจากเงินทุนที่เสียไปค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่จีนจะได้รับในอนาคต สู่การเติบโตเป็นผู้นำยานยนต์ระดับโลก
“จีน” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความคึกคักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ที่ผ่านมา จีนส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ 81 เปอร์เซ็นต์ ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ภายในประเทศมากกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายใน หรือรถยนต์ใช้น้ำมัน 55 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในตลาดโลก จีนสามารถไต่อันดับผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก แซงหน้าเจ้าตลาดอย่าง “เยอรมนี” และเป็นรองเพียง “ญี่ปุ่น” เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการพุ่งทะยานสูง “เบอร์ 1” ว่า แม้วิธีการเพิ่มจุดจ่ายไฟอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบ แต่การเปิดตัวว่า มี “EV Charger” มากที่สุดในโลก ก็เป็นท่าทีการลงสนามที่น่าสนใจ ทำให้ทั่วโลกส่องสปอตไลต์ไปที่ประเทศแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ได้ไม่ยากนัก
ที่มา: บลูมเบิร์ก