สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ตลาดยานยนต์ในประเทศไทย โดยระบุว่า บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อาทิ บีวายดี (BYD) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 1.44 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2563 และกำลังคุกคามสถานะเจ้าตลาด อย่างบริษัทยานยนต์จากญี่ปุ่น
หลังจากวิกฤติยอดขายในจีน ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในไทย อันเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งในเอเชีย เนื่องจากแนวทางการพัฒนารถ EV ที่ล่าช้าตามหลังประเทศอื่นๆ ขณะที่ กระแสรถยนต์จีนปรากฏชัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตรถ EV จีนกำลังนำซัพพลายเออร์เข้ามาในประเทศ
ขณะเดียวกัน บริษัทไทย เช่น สยามกลการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับบริษัทญี่ปุ่น ก็กำลังแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ โดย นายเซบาสเตียน ดูปุย รองประธานของสยามกลการ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังหารือกับผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายเกี่ยวกับความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ ไทยครองตำแหน่งผู้ผลิต และส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตลาดขายรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดในไทยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนขยายหนึ่งของตลาดญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม จีนแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะนักลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยเมื่อปีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนของ BYD ในโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการในปี 2567 ท่ามกลางความพยายามของทางการไทยในการดึงดูดผู้ผลิต EV ของจีนให้มาลงทุน
ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเพิ่มการส่งออก และตั้งศูนย์การผลิตในต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากตลาดรถ EV ที่มีการแข่งขันสูงในจีน สถานการณ์ของไทยจึงจะกลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับประเทศอื่นๆ ว่า รับมือกับการเปลี่ยนผ่านมาเป็นฐานการผลิตรถ EV ได้อย่างไรบ้าง
ข้อมูลของรัฐบาลไทย ระบุว่า จากจำนวนรถยนต์ใหม่เกือบ 850,000 คัน ที่จดทะเบียนในไทยเมื่อปีที่แล้ว มีเพียงประมาณ 1% เท่านั้น ที่เป็นรถ EV อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงเม.ย.ของปีนี้ สัดส่วนของรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 6%
ผู้นำตลาดรถ EV ของไทยขณะนี้ คือ BYD ตามมาด้วยเอสเอไอซี (SAIC), โฮซอน (Hozon) ของจีน และเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐ ข้อมูลการลงทะเบียนระบุว่า ในช่วงเดือนม.ค.ถึงเม.ย. มีการจำหน่ายรถ EV ทั้งหมด 18,481 คันในไทย ในจำนวนนี้ มากกว่า 7,300 คันเป็นรถ BYD
ด้านโตโยต้า ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นเจ้าตลาดในไทย ร่วมกับพันธมิตรอย่าง อีซูซุและฮอนด้า มีสัดส่วนเกือบ 70% ของยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกทั้งหมดในไทยเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ โตโยต้ามีรถ EV ที่จดทะเบียนใหม่เพียง 11 คันเท่านั้น
นายฮาจิเมะ ยามาโมโตะ หัวหน้าแผนกที่ปรึกษาของสถาบันวิจัยโนมูระในประเทศไทย กล่าวว่า แบรนด์รถยนต์จีนมีศักยภาพในการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างน้อย 15 จุดเปอร์เซ็นต์ในทศวรรษหน้า ด้วยการส่งมอบรถ EV ราคาย่อมเยา
“ญี่ปุ่นทำได้แค่เจาะตลาดกลุ่มพรีเมียมได้เพียงบางส่วนเท่านั้น” นายยามาโมโตะ กล่าว
ที่มา: รอยเตอร์