อัตราเงินเฟ้อสูงจะไล่ตามหลังเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ด้วย 3 ใน 4 หรือ 75% ของโพลของรอยเตอร์ที่สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากกว่า 200 คน โดยกล่าวว่า ความเสี่ยงหลักคือ อัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งบอกเป็นนัยว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้นเป็นเวลานานขึ้น
ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงคาดหมายว่า จะมีการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปี 2567 แต่ว่าเริ่มมีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากขึ้นที่ได้ทำการสำรวจกำลังปรับเปลี่ยนมุมมอง ผลักดันให้เลื่อนวันที่ปรับลดดอกเบี้ยไปยังช่วงหลังของปีหน้า
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจากความคาดหมายในช่วงเริ่มต้นของปีนี้ ซึ่งช่วงนั้น สถาบันการเงินด้านวาณิชธนกิจบางแห่งได้คาดการณ์ไว้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งกำหนดแนวทางสำหรับธนาคารกลางอื่น ๆ อีกมากมายว่าจะมีการหั่นอัตราดอกเบี้ยลงในราวช่วงปัจจุบันนี้
โพลรอยเตอร์ล่าสุดที่ได้ทำการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ จำนวนมากกว่า 500 คน ระหว่างวันที่ 6 ต.ค. ถึงวันที่ 25 ต.ค. ทำให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 ที่ลดระดับลง หรือดาวน์เกรด และอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มระดับ หรืออัพเกรดเป็นเสียงส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจในจำนวน 48 ประเทศทั่วโลกที่ได้ทำการสำรวจ
ซึ่งสัดส่วน 75% ของผู้ที่ได้ตอบคำถามแยก จำนวน 171 คน จากทั้งหมด 228 คน กล่าวว่า ความเสี่ยงต่อการคาดการณ์ของอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มระดับสูงขึ้นเป็นวงกว้างนั้นเบี่ยงเบนสูงขึ้น โดยมีจำนวนเพียง 57 คนที่ระบุว่าจะลดลง
ผลสำรวจดังกล่าวเป็นไปตามข่าวที่รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26 ต.ค.) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือ GDP เติบโตที่อัตรารายปีในไตรมาส 3 ที่ 4.9% อย่างไม่คาดคิด ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกนั้นกำลังวางตัวแยกจากประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ในโลกนี้ได้อย่างไร
ผลสำรวจยังคงตามมาด้วยคำเตือนจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นางคริสติน ลาการ์ด ซึ่งกล่าวว่า หลังจากที่ ECB หยุดการคุมเข้มทางการเงินที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกัน ซึ่ง “แม้กระทั่งว่ามีการคุยกันถึงการลดอัตราดอกเบี้ยโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการลดก่อนกำหนดอย่างสมบูรณ์”
ขณะที่ ธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึงเฟด และ ECB ได้นำเสนอการบรรยายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ “สูงขึ้นเป็นเวลานานขึ้น” สำหรับสิ่งที่ดีกว่าของปีนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายรายและบรรดาเทรดเดอร์ในตลาดการเงินยังคงลังเลที่จะยอมรับมุมมองดังกล่าว
ดักลาส พอร์ทเตอร์ (Douglas Porter) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ BMO (Bank of Montreal) กล่าวว่า “ผมคิดว่าเราทุกคนจะต้องเปิดใจให้กว้างว่า บางทีนโยบายการเงินนั้นยังไม่เข้มงวดมากเพียงพอ” “การคาดการณ์ของเราคือว่า เฟดได้ดำเนินการสำเร็จมากเพียงพอและพวกเขาจะไม่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก แต่ผมยังไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่เราอาจจะผิด และในที่สุด เฟดจะต้องดำเนินการเพิ่มเติม”
ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงกล่าวว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปีหน้า ซึ่งโพลล่าสุดชี้ว่า มีเพียง 55% ที่สนับสนุนฉากทัศน์ดังกล่าว เปรียบเทียบกับเกินกว่า 70% เมื่อเดือนที่แล้ว
เสียงส่วนใหญ่ที่สนับสนุนการไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกระทั่งถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งสำหรับธนาคารกลางออสเตรเลีย, ธนาคารกลางอินโดนีเซีย และธนาคารกลางอินเดีย
แม้แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ที่เบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยปรกติ โดยยึดติดกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ ผ่านทางอัตราเงินเฟ้อทั้งหมดของรอบนี้ ณ ปัจจุบันถูกคาดหมายว่าจะล้มเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบในปีหน้า
ที่มา: รอยเตอร์