ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 1.5% ในวันพุธ (15 พ.ย.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกินคาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำขยับลง จากข้อมูลรัฐบาลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอเมริกาอาจรอดพ้นจากภาวะถดถอย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) รายงานว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เป็น 421.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ข้อมูลรายสัปดาห์ของรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากอยู่ระหว่างอัปเกรดระบบ ยังพบอีกว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ทรงตัวอยู่ที่ 13.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่ากับช่วงเดือนตุลาคม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 พ.ย.) ปิดบวกแรง ข้อมูลใหม่ที่รัฐบาลเผยแพร่ออกมา บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังเติบโตเล็กน้อย ในทิศทางที่อาจหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 163.51 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,991.21 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.18 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,502.88 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.45 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,103.84 จุด
ข้อมูลที่เผยแพร่ในวันพุธ (15 พ.ย.) ชี้ว่ายอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมลดลงจากหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นเพียง 0.1% ขณะที่ราคาค้าส่งในเดือนตุลาคมลดลงจากเดือนกันยายน 0.5%
“รายงานนี้กำลังสื่อสารว่าเศษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวแบบนุ่มนวล (soft landing)” แพทริค โอแฮร์ จากบรีฟดอทคอม กล่าว
ข้อมูลเงินเฟ้อที่เบาบางเกินคาดหมาย กระตุ้นให้นักลงทุนกะเก็งกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจบสิ้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และปัจจัยนี้เองที่นอกเหนือจากเป็นแรงหนุนวอลล์สตรีทแล้ว มันยังผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และฉุดให้ทองคำปิดลบในวันพุธ (15 พ.ย.)
โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,964.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ที่มา: รอยเตอร์