สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายแกรี เกนสเลอร์ ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ เรียกร้องให้อังกฤษปรับรอบวันชำระราคา-ส่งมอบหลักทรัพย์ มาเป็นระบบ T+1 เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการไปเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ อังกฤษเคยออกมาระบุว่า ตลาดหุ้นอังกฤษอาจลดเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ลงภายในปี 2570 เป็นอย่างช้าที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวในฝั่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ กล่าวในงานซึ่งจัดโดยสมาคม UK Finance ที่กรุงลอนดอนว่า การเปลี่ยนไปเป็นระบบ T+1 ของสหรัฐฯ ทำให้การวางหลักประกันของลูกค้า (Margin) กับสำนักหักบัญชีลดลง 25-30% ซึ่งคิดเป็นวงเงินประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองวันแรก
เกนสเลอร์ ยังกล่าวว่า อัตราการปรับรอบวันชำระราคาไม่สำเร็จก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้แต่อย่างใด ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
“ผมไม่กลัวที่จะบอกว่า สิ่งสำคัญ คือ การกำหนดวันและปฏิบัติตามนั้น เราจะยังมีข้อถกเถียงมากมาย จนกว่าคุณจะทำตามนั้น หากอังกฤษใช้กรอบเวลาเดียวกันในส่วนของแผนงานต่างๆ และการนำไปปฏิบัติเช่นเดียวกับสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงก็น่าจะเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2569
ด้านชาร์ลี เกฟเฟน ซึ่งเป็นหัวหน้าในการจัดทำรายงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการย้ายไปเป็นระบบ T+1 ของอังกฤษ กล่าวว่า “เรายังไม่ต้องเร่งรีบมากเพื่อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบ เราจะค่อยๆ เห็นมุมมองต่าง ๆ เพิ่มขึ้น แต่การเดินหน้าเปลี่ยนแปลงก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นไม่ช้าไปกว่าปี 2570 ตอนนี้เรามีนโยบายและกำหนดเวลาที่ชัดเจน”
การย้ายไปใช้ระบบ T+1 ถือเป็นการเปิดทางไปสู่การปรับรอบวันชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ในวันเดียวกัน ซึ่งตลาดหุ้น A-Shares ของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ใช้ระบบนี้แล้ว
ปัจจุบัน แคนาดาและเม็กซิโกได้เปลี่ยนมาใช้ระบบ T+1 เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อลดความเสี่ยงในตลาด รวมถึงต้นทุนในการเทรด ด้านสหภาพยุโรป (EU) เคยกล่าวว่า การเปลี่ยนจากระบบ T+2 ไปเป็น T+1 เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในตลาดบางส่วนต้องการให้อังกฤษและสหภาพยุโรปเปลี่ยนมาใช้ระบบเดียวกัน เนื่องจากการซื้อขายในตลาดต่าง ๆ ล้วนเชื่อมโยงถึงกัน
ที่มา: รอยเตอร์