หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส สื่อของรัฐบาลจีน รายงานเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า จีนต้องการให้สหภาพยุโรป (อียู) ยกเลิกภาษีเบื้องต้นที่เรียกเก็บกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นำเข้าจากจีนภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้ โดยการเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงที่จะจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า อัตราภาษีนำเข้าชั่วคราวของอียูที่สูงถึง 38.1% สำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน จะเริ่มบังคับใช้ภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ขณะที่ อียูกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า บริษัทผู้ผลิตรถ EV ของจีนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนมากเกินไปและไม่เป็นธรรมหรือไม่
จีนได้เรียกร้องให้อียูยกเลิกการจัดเก็บภาษีดังกล่าวหลายครั้งแล้ว พร้อมกับแสดงความเต็มใจที่จะเจรจา โดยรัฐบาลจีนไม่ต้องการให้เกิดสงครามกำแพงภาษีขึ้นอีก เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บกับสินค้าจีนในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่จีนก็ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องบริษัทจีน หากเกิดสงครามกำแพงภาษีขึ้นจริง
อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเริ่มเจรจาเรื่องภาษี หลังจากที่นายวัลดิส ดอมบรอฟสกีส์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) หารือทางโทรศัพท์กับนายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 มิ.ย.) ระหว่างที่นายโรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี เดินทางเยือนจีน โดยนายฮาเบ็คระบุว่า ประตูสำหรับการเจรจา “เปิดกว้าง”
โกลบอล ไทม์ส รายงานเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการเจรจาคือ อียูยกเลิกการตัดสินใจเก็บภาษีก่อนวันที่ 4 ก.ค.นี้
โกลบอล ไทม์ส รายงานเพิ่มเติมว่า การที่อียูดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้จีนต้องใช้มาตรการตอบโต้ และการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ “ต่างฝ่ายต่างแพ้”
ทั้งนี้ กำแพงภาษีดังกล่าวมีกำหนดจะได้ข้อสรุปในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบสวนโดยอียูเรื่องการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม
ฝ่ายจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องเงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม โดยกล่าวว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมรถ EV ของจีนเป็นผลมาจากข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ตลาด และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม
ที่มา: รอยเตอร์