สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า JPMorgan ปรับลดคาดการณ์จำนวนบริษัทในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market – EM) ที่คาดว่าจะผิดนัดชำระหนี้ หลังจาก distressed-level market pricing ปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 โดยการผิดนัดชำระหนี้บางส่วนได้ข้อสรุปหรือยุติไปแล้ว ขณะที่บางส่วนไม่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งคาดว่าปี 2567 จะเป็นปีแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ระดับการผิดนัดชำระหนี้ขององค์กรในตลาดเกิดใหม่ลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ JPMorgan ได้ปรับลดการคาดการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ที่ได้รับการจัดอันดับ “ขยะ” ลงมาอยู่ที่ 3.6% จาก 4.0% สำหรับบริษัทในดัชนี CEMBI Broad Diversified ที่มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ปรับลดลงเหลือ 2.1% จาก 2.9%
นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ระบุว่า “เราเห็นความเสี่ยงที่ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากบริษัทที่มีแนวโน้มผิดนัดชำระบางแห่งได้หลุดออกจากรายชื่อไปแล้ว เนื่องจากไม่มีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น ขณะที่บางแห่งมีการผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว ในขณะที่บริษัทรายใหม่ที่เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ก็มีไม่มากนัก”
นักวิเคราะห์ยังคาดว่า ปัญหาผิดนัดชำระจะยังคงกระจุกตัวอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนและในกลุ่ม “ผู้ผิดนัดชำระหนี้ซ้ำซาก” ในประเทศแถบละตินอเมริกา อย่างไรก็ตาม JPMorgan ชี้ให้เห็นว่า ยังไม่พบการผิดนัดชำระหนี้ของยูเครนในปีนี้ แม้จะอยู่ในภาวะสงครามกับรัสเซียก็ตาม
ขณะที่ในระดับภูมิภาค การคาดการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของทวีปเอเชียโดยภาพรวม ยังคงอยู่ที่ 4.5% และ 2.5% สำหรับกลุ่ม CEMBI ด้านละตินอเมริกา มีการปรับลดลง 1% เหลือ 4.6% และ 2.8% สำหรับกลุ่ม CEMBI
ด้านตลาดเกิดใหม่ในยุโรป ถูกปรับลดลงเหลือ 2.0% จาก 3.0% และเหลือ 2.3% สำหรับกลุ่มดัชนี CEMBI BD HY ในขณะที่ตะวันออกกลางและแอฟริกามีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 0.6% จาก 0.5% โดยกลุ่ม CEMBI อยู่ที่ 0.5%
รายงานดังกล่าว ถือเป็นการตอกย้ำว่า ขณะนี้บรรดานักลงทุนต่างชาติมีมุมมองบวกมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนของบริษัทในตลาดเกิดใหม่ที่ถูกมองว่า มีปัญหาด้านหนี้สิน และมีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ ได้ลดลงมากถึง 7% ในปีนี้ โดยนักวิเคราะห์ของ JPMorgan กล่าวเสริมว่า แนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ปีนี้ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นที่มากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2559
ที่มา: รอยเตอร์