Microsoft ประกาศซื้อหุ้นคืน 60,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มปันผล 10%

Microsoft ประกาศซื้อหุ้นคืน 60,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มปันผล 10%

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยักษ์เทคโลก ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.997 ล้านล้านบาท) และอนุมัติจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นเพิ่ม 10% เป็น 83 เซนต์ต่อหุ้น 

วันที่ 16 กันยายน 2024 ตามเวลาสหรัฐฯ (17 กันยายน 2024 ตามเวลาไทย) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ไมโครซอฟท์ (Microsoft) บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ระดับหัวตารางของโลก ประกาศโปรแกรมซื้อหุ้นคืนวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.997 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นการอนุมัติซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ไมโครซอฟท์เคยมีมา และอนุมัติเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส 10% 

โลโก้ Microsoft (ภาพโดย Gonzalo Fuentes / REUTERS)

ไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลรายไตรมาส 83 เซนต์ต่อหุ้น ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้นจากอัตราจ่ายปันผล 75 เซนต์ในปัจจุบัน ส่วนข้อตกลงการซื้อหุ้นคืน 60,000 ล้านดอลลาร์ ที่ประกาศใหม่เป็นแบบไม่ระบุวันครบกำหนด จะถูกใช้แทนที่โปรแกรมซื้อหุ้นคืนวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์ที่ประกาศในปี 2021

ไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ประโยชน์จากความคึกคักของตลาดด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในช่วงหลายปีหลังๆ มานี้ เนื่องจากไมโครซอฟท์ได้ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากโอเพ่น เอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน เพื่อเสริมศักยภาพของแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจของบริษัท เช่น ทีมส์ (Teams) เวิร์ด (Word) และเอาต์ลุก (Outlook) อีกทั้งเมื่อวันจันทร์ที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัวเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ชุดใหม่ด้วย  

หลังประกาศการซื้อหุ้นคืน หุ้น MSFT ของไมโครซอฟท์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค (Nasdaq) ทำราคาปิดตลาด วันที่ 16 กันยายน ที่ 431.34 ดอลลาร์ แล้วเพิ่มขึ้น 1% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นับถึงวันที่ 16 กันยายน ราคาหุ้นไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นมา 31% 

ตามข้อมูลที่บลูมเบิร์กรวบรวม คือ ไมโครซอฟท์มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด มูลค่า 75,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.513 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 กระแสเงินสดอิสระในไตรมาสที่ 4 ของปีงบการเงิน 2024 (เมษายน-มิถุนายน 2024) อยู่ที่ 23,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 775,600 ล้านบาท) ซึ่งไมโครซอฟท์เผยว่า กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YOY) ซึ่งสะท้อนถึงรายจ่ายด้านทุนที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการคลาวด์และ AI

ที่มา: บลูมเบิร์ก