สำนักข่าว CNBC รายงานว่า เศรษฐกิจของยุโรปมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังเยอรมนีและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสองประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรป ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ โดยล่าสุด กิจกรรมภาคการผลิตและบริการทั้งสองประเทศหดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้น (PMI) จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ของเยอรมนี หดตัวลงมาอยู่ที่ 47.2 ในเดือนก.ย. จากระดับ 48.4 ในเดือนส.ค. ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 48.2
ขณะที่ฝรั่งเศส ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้น ร่วงลงมาอยู่ที่ 47.4 ในเดือนก.ย. ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 50.6 โดยตัวเลขที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมภาคการผลิตและบริการยังมีการขยายตัว ขณะที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลง
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของยูโรโซน หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน มาอยู่ที่ 48.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 51 ในเดือนส.ค.
ดัชนี PMI ที่ออกมานั้น ถือเป็นข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วของปัจจัยขับที่เคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมของยุโรป โดยทั้งเยอรมนีและฝรั่งเศสเองต่างกำลังเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในประเทศ
แอนดรูว์ เคนนิงแฮม (Andrew Kenningham) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำยุโรปของ Capital Economics วิเคราะห์ว่า “ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซนที่ลดลงอย่างมากนั้น บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเยอรมนีกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่การจัดกีฬาโอลิมปิกในฝรั่งเศสสร้างแรงหนุนแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น”
เคนนิงแฮม ยังกล่าวอีกว่า “ขณะนี้รัฐบาลชุดใหม่ของฝรั่งเศสกำลังวางแผนดำเนินนโยบายการคลังแบบเข้มงวดอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสดูอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ส่วนเศรษฐกิจเยอรมนีก็กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น”
ที่มา: ซีเอ็นบีซี