โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®, BBLAM
สำหรับใครหลายๆ คน ที่เริ่มทำงาน เริ่มมีรายได้ แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่อยากจะวางแผนภาษี ควรลงทุนซื้อ RMF มั้ย เอ๋ตอบก่อนเลยค่ะว่าไม่แนะนำ
นั่นเป็นเพราะการลงทุนใน RMF มีเงื่อนไข หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไข คือ หากลงทุนในกองทุนรวม RMF แล้ว มีกำไร ในกรณีที่ไม่ได้ใช้สิทธิทางภาษี กำไรที่ได้จะต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ด้วย ซึ่งดีไม่ดี จากรายได้ที่เรามียังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่เมื่อมาลงทุนในกองทุนรวม RMF แล้วและขายคืนแบบมีกำไร ต้องนำกำไรมารวมคำนวณเป็นเงินได้ ทำให้รายได้ของเรามากขึ้น อาจส่งผลให้รายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีได้ ดังนั้น จึงไม่คุ้มที่จะลงทุนในกองทุนรวม RMF หากไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีค่ะ
แล้วจะไปลงทุนในกองทุนอะไรดีล่ะ
หากที่บริษัทมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund แม้ว่าการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีเหมือนกัน แต่เราไม่สามารถนำเงินออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลางครันได้ นั่นก็หมายความว่า เราจะออกจากกองทุนได้ก็ต่อเมื่อลาออก หรือเกษียณอายุ จึงทำให้เราสามารถลงทุนได้อย่างสบายใจ แถมยังมีเงินสมทบจากบริษัทอีก ในกรณีแบบนี้ แนะนำให้สะสมเต็มสิทธิที่เราสะสมได้ที่ 15% แม้ว่าบริษัทจะให้เราเริ่มสะสมได้เพียง 2% หรือ 5% ก็ตาม เพราะยังไงในท้ายที่สุดเงินลงทุนส่วนนี้จะเป็นเงินสะสมของเราสำหรับเป้าหมายเกษียณ แถมเมื่อรายได้เราเริ่มมากขึ้นถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี เงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในส่วนของเราก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
ส่วนใครที่บริษัทไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะลงทุนในอะไรดี บอกได้เลยค่ะว่า ควรลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไป ซึ่งไม่มีเงื่อนไขเรื่องการถือครอง ทำให้เราสามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันทำการ เมื่อมีกำไร ก็ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ ผิดกับการลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่เราไม่ใช้สิทธิทางภาษี ถ้าเป็นกรณีนั้น เราต้องนำกำไรจากการขายคืนมารวมคำนวณเป็นเงินได้ แต่ถ้าเป็นการลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไป ภาษีที่เรานำมาคำนวณจะเป็นรายได้ที่เราทำมาหาได้จริงๆ ไม่ต้องนำกำไรจากการลงทุนในกองทุนรวมมาคำนวณ จึงไม่ทำให้เราเสียภาษีเพิ่มขึ้นค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว หากยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี การเลือกลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไปจะดีกว่า และเมื่อถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ค่อยมาเลือกลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่เน้นลงทุนสำหรับเป้าหมายเกษียณ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขการลงทุนได้ โดยมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับการถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม อายุผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ที่สำคัญคือห้ามหยุดการลงทุนติดต่อกัน 2 ปี
หรือเลือกลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน TESG ที่เน้นลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ไทยที่มีความยั่งยืน ใช้ระยะเวลาลงทุนเพียง 5 ปีเต็มก็ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ หรือกองทุนรวมเพื่อการออม SSF ที่เหมาะกับใครที่มีเป้าหมายใช้เงินจากการลงทุนนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า มีนโยบายหลากหลายให้เลือกลงทุน ไม่ว่าจะเลือกลงทุนกับกองทุนลดหย่อนภาษีแบบไหน ขอให้เลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่เราต้องการค่ะ