เศรษฐกิจอังกฤษ โตต่ำคาดในไตรมาส 3 เนื่องจากภาคบริการโตซบเซา ส่วนภาคการผลิตลดลง หลังความเชื่อมั่นธุรกิจและผู้บริโภคอ่อนแอต่อเนื่อง
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 3 โดยแสดงให้เห็นความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย หลังจากการเริ่มต้นปีด้วยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.2% ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการเติบโต 0.5% ในไตรมาสที่ 2
ภาคการบริการ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร เติบโตเพียง 0.1% ในไตรมาสนี้ ในขณะที่ภาคการก่อสร้าง ขยายตัวขึ้น 0.8%
ส่วนการผลิต ปรับตัวลดลง 0.2%
อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 1.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE) เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนให้ BOE สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ลงสู่ระดับ 4.75% ในการประชุมนโยบายเมื่อวันที่ 7 พ.ย.
BOE คาดการณ์ว่า งบประมาณที่เน้นภาษีของรัฐบาลพรรคแรงงาน จะกระตุ้นให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.75% ภายใน 1 ปี แต่ก็ยังส่งผลให้การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นด้วย
นางเรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษ ยอมรับว่าผิดหวังกับตัวเลขดังกล่าว โดยเน้นย้ำว่างบประมาณของเธอมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพการเงินสาธารณะและขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการลงทุนและการปฏิรูป
นางรีฟส์ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าจะสร้างงานมากขึ้น เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ฟื้นฟูระบบสาธารณสุขแห่งชาติ และการรักษาความปลอดภัยชายแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูประดับชาติ 10 ปี
ด้านนายสุเรน ธิรู ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำ Institute of Chartered Accountants in England and Wales กล่าวว่า BOE ไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนธ.ค. โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่และความท้าทายระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้นคาดว่าจะเป็นอุปสรรคต่อผู้กำหนดนโยบายในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน
นายธิรู เน้นย้ำว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรกำลังชะลอตัวอยู่แล้ว ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศงบประมาณ โดยความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภคที่อ่อนแอลงส่งผลให้ผลผลิตในไตรมาสที่ 3 ลดลง โดยเฉพาะในเดือนก.ย.
นอกจากนี้แล้ว ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่า แผนภาษีของนายทรัมป์จะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป แต่บางส่วนก็แนะนำว่ามาตรการเหล่านี้อาจสร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร
ขณะที่ นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BOE หลีกเลี่ยงที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับแผนการด้านภาษีของนายทรัมป์ แต่ก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแตกแยกทั่วโลก แต่ต้องจับตาดูต่อไปว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และจะไม่ตัดสินล่วงหน้าว่าจะอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิด
ทั้งนี้ หลังการเผยแพร่ตัวเลข GDP ดังกล่าว เงินปอนด์สเตอร์ลิง ขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ร่วงลง 0.1% เมื่อเทียบกับยูโร
ที่มา: ซีเอ็นบีซี