โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist และทีม Economic Research, BBLAM

สถานการณ์ไฟป่าในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังคงรุนแรงและลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยมีไฟป่าหลักที่สำคัญ 3 จุด ดังนี้

1. ไฟป่า Palisades: เกิดขึ้นในพื้นที่ Pacific Palisades ใกล้ชายฝั่งซานตาโมนิกา ไฟป่านี้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 16,000 เอเคอร์ (ประมาณ 40,000 ไร่) และส่งผลให้ประชาชนกว่า 100,000 คนได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่
2. ไฟป่า Eaton: เริ่มต้นในพื้นที่เชิงเขาใกล้กับ Eaton Canyon ใน Pasadena ไฟป่านี้เผาผลาญพื้นที่ไปกว่า 10,000 เอเคอร์ (ประมาณ 25,000 ไร่) และทำให้ประชาชนในพื้นที่ Altadena และ Pasadena ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนกว่า 70,000 คน
3. ไฟป่า Sunset: เกิดขึ้นในย่าน Hollywood Hills ไฟป่านี้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 60 เอเคอร์ (ประมาณ 150 ไร่) และมีคำสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติมในพื้นที่ดังกล่าว

ความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอเนีย

รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เป็นรัฐที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยในปี 2023 เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตที่ 2.5% ซึ่งในจำนวนนี้ 0.29% มาจากแคลิฟอร์เนียเพียงรัฐเดียว นับเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับรัฐอื่น ขณะที่ รัฐส่วนใหญ่มีสัดส่วนต่ำกว่า 0.1% นอกจากนี้ แคลิฟอร์เนียยังเป็นผู้นำด้านการจ้างงาน โดยในเดือนพ.ย. 2024 รัฐมีจำนวนการจ้างงานสูงถึง 18.1 ล้านตำแหน่ง คิดเป็น 11.4% ของการจ้างงานทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าสูงกว่ารัฐใหญ่อื่นๆ อย่างเท็กซัส (14.3 ล้านตำแหน่ง) และนิวยอร์ก (9.7 ล้านตำแหน่ง) อย่างชัดเจน ข้อมูลนี้สะท้อนถึงความสำคัญของแคลิฟอร์เนียในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุดของประเทศ ทั้งในแง่มูลค่าเศรษฐกิจและการสนับสนุนตลาดแรงงานในระดับประเทศ

การประเมินความเสียหายจากไฟป่าที่ลอสแองเจลิส

ฝั่งที่ประเมินความเสียหายสูง

• Accuweather (แอคคูเวทเธอร์) คาดการณ์ว่า ความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้ อาจอยู่ในช่วง 1.35-1.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ เนื่องจากไฟป่าลุกลามในพื้นที่ที่มีทรัพย์สินราคาแพงที่สุดในประเทศ ไฟป่า Palisades ได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างไปแล้วกว่า 5,300 หลัง และไฟป่า Eaton ทำลายอีกกว่า 5,000 หลัง โดย Jonathan Porter หัวหน้าผู้พยากรณ์อากาศจาก Accuweather ระบุว่า เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไฟป่า สหรัฐฯ
• Aon (เอออน) บริษัทประกันภัยรายใหญ่ ระบุว่า มูลค่าทรัพย์สินที่สูงในครั้งนี้อาจทำให้ไฟป่าที่ลอสแองเจลิสติดอันดับ 1 ใน 5 ของไฟป่าที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเมื่อรวมทรัพย์สินที่ไม่ได้ทำประกัน มูลค่าความเสียหายอาจยิ่งเพิ่มขึ้น

ฝั่งประเมินความเสียหายจำกัด

• Goldman Sachs (โกลด์แมน แซคส์) ประเมินว่า ความเสียหายจากการประกันภัยจะอยู่ในช่วง 1.0-3.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และหากรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่ได้ทำประกัน มูลค่าความเสียหายอาจสูงถึง 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ Goldman Sachs ยังมองว่า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบสำคัญต่อเงินเฟ้อ หรือเศรษฐกิจในระยะยาว โดย Sell-side Analysts คาดการณ์ว่า Non-farm Payrolls อาจลดลง 15,000-25,000 ตำแหน่ง ในเดือนม.ค. 2024 และ GDP ในไตรมาสแรกอาจลดลง 0.2 bps แต่จะได้รับการฟื้นตัวในไตรมาสถัดไป
• Morningstar และ JP Morgan คาดการณ์ว่า ความเสียหายจากการจ่ายประกันภัยจะมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ แม้ตัวเลขจะสูง แต่ยังต่ำกว่าการประเมินโดย Accuweather

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย

เจ้าของบ้านในสหรัฐฯ ที่มีการจำนองมักถูกธนาคารบังคับให้มีประกันทรัพย์สิน แต่ในช่วงหลัง บริษัทประกันได้เริ่มปรับขึ้นราคา หรือยกเลิกความคุ้มครอง เนื่องจากความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม และพายุเฮอร์ริเคน ส่งผลให้จำนวนกรมธรรม์ที่ออกผ่านโครงการ Fair Plan (แฟร์ แพลน) ของรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ตั้งแต่ปี 2020 Moody’s Ratings (มูดี้ส์ เรตติ้งส์) ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อวงกว้างในอุตสาหกรรมประกันภัย เช่น ต้นทุนการฟื้นฟูที่สูงขึ้นและการลดความพร้อมในการให้บริการประกันทรัพย์สินในพื้นที่

ความช่วยเหลือจาก Federal Government  

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ดำเนินมาตรการหลายประการ เพื่อช่วยเหลือรัฐแคลิฟอร์เนียในการรับมือกับวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ลอสแอนเจลิส ประธานาธิบดี Biden ได้ประกาศให้เหตุการณ์นี้เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ และสัญญาว่ารัฐบาลกลางจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบรรเทาภัยพิบัติ 100% เป็นเวลา 180 วัน เพื่อสนับสนุนการทำความสะอาดพื้นที่ภัยพิบัติและปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์สหรัฐฯ (HHS) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อรับมือกับผลกระทบจากไฟป่า และรัฐบาลกลางยังได้จัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการดับเพลิง รวมถึงการร้องขอความช่วยเหลือจากแคนาดา โดยแคนาดาได้จัดส่งเครื่องบิน Air Tanker รุ่น Canadair CL-415 หรือที่รู้จักในชื่อ Super Scooper ซึ่งเป็นเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกที่สามารถบรรทุกน้ำได้มากกว่า 1,500 แกลลอน (ประมาณ 5,678 ลิตร) เพื่อช่วยในการควบคุมไฟป่าที่ลุกลามในแคลิฟอร์เนีย

วิธีที่ Fed รับมือกับสถานการณ์ประเภทนี้ โดยอิงจากเหตุการณ์ในอดีต

ในอดีต Fed มีมาตรการสำคัญ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติขนาดใหญ่ เช่น

เหตุการณ์เฮอริเคน แคทรินา (2005)

• จัดหาสภาพคล่องผ่าน Discount Window เพื่อช่วยเสถียรภาพของระบบการเงิน โดยให้เงินทุนระยะสั้นแก่ธนาคารที่เผชิญปัญหาสภาพคล่อง
• Fed ยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้เผชิญวิกฤต โดยในปี 2005 ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยจาก 3.50% เป็น 3.75% ในเดือนก.ย. 2005
• Fed San Francisco เน้นติดตามผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในพื้นที่เปราะบาง เช่น ภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน

ในสถานการณ์ปัจจุบัน Fed อาจเลือกใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกับอดีต เช่น การสนับสนุนสภาพคล่องแก่ธนาคารในพื้นที่ประสบภัย และติดตามผลกระทบเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนัก มากกว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย