สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น แสดงความหวังว่า ประเทศของตนจะสามารถหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้ โดยกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับทราบถึงข้อมูลการลงทุนมหาศาลของญี่ปุ่นในสหรัฐฯ และการสร้างงานให้กับชาวอเมริกันในการหารือที่ทำเนียบขาว
นายอิชิบะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นว่า ตนเองได้อธิบายให้ทรัมป์ฟังว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังเข้ามาสร้างงานในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นายอิชิบะ ระบุเพิ่มเติมว่า ตนเองและประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้หารือเรื่องภาษีนำเข้ายานยนต์โดยตรง แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าญี่ปุ่นจะถูกเก็บภาษีตอบโต้ตามที่ทรัมป์กล่าวหรือไม่ ซึ่งนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นยังสามารถเลี่ยงสงครามการค้าได้ หลังทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีกับสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีนเท่านั้น แม้จะเลื่อนการขึ้นภาษี 25% สำหรับสองประเทศเพื่อนบ้านออกไปอีก 30 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจา
นายกรัฐมนตรีอิชิบะ ยังกล่าวว่า “ตนเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์ตระหนักดีว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ มากที่สุด ติดต่อกันถึง 5 ปี ซึ่งต่างจากประเทศอื่น ๆ โดยบริษัทญี่ปุ่น ช่วยสร้างงานในสหรัฐฯได้เป็นจำนวนมาก และตนเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่รีบขึ้นภาษีญี่ปุ่น” นอกจากนี้ ผู้นำญี่ปุ่น ยังระบุเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงสงครามภาษีแบบตอบโต้กันไปมาได้ โดยเน้นว่ามาตรการด้านภาษีควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน การกระทำใดก็ตามที่เอาเปรียบหรือกีดกันอีกฝ่ายจะอยู่ได้ไม่นาน
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการลงทุนโดยตรงในสหรัฐฯ สูงที่สุดในปี 2023 โดยอยู่ที่ 7.833 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วย แคนาดาและเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้ผู้นำญี่ปุ่นลดตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 6.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่แสดงความหวังว่า จะดำเนินการได้โดยเร็ว เนื่องจากนายอิชิบะให้คำมั่นว่า จะเพิ่มการลงทุนของญี่ปุ่นในสหรัฐฯ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอิชิบะ ยังกล่าวถึงแผนการของ Nippon Steel ที่จะลงทุนใน U.S. Steel ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กอเมริกัน แทนที่จะเข้าซื้อกิจการโดยตรง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทรัมป์ให้การสนับสนุน หลังจากข้อเสนอเข้าซื้อกิจการขัดขวางโดยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน
“การลงทุนครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ U.S. Steel ยังคงเป็นบริษัทอเมริกัน และจะยังคงดำเนินงานภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ และจ้างแรงงานชาวอเมริกันต่อไป สิ่งสำคัญคือ การรักษาความเป็นบริษัทอเมริกันไว้ ซึ่งสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง” นายอิชิบะกล่าว
ที่มา: รอยเตอร์