แรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชียวันนี้ ท่ามกลางแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีที่รุนแรง หลังมีรายงานว่า เยอรมนีภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่เตรียมเพิ่มงบกลาโหม ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี รวมถึงญี่ปุ่นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี
ผลตอบแทนพันธบัตร หรือบอนด์ยีลด์ของญี่ปุ่น อายุ 10 ปี แตะระดับ 1.5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2009 ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงบริหารจัดการกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น ด้านผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แตะที่ 4.3% นอกจากนี้ พันธบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังเพิ่มขึ้นประมาณ 0.10%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการที่สหรัฐฯ ระงับการให้ความช่วยเหลือยูเครน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ขณะที่เทรดเดอร์ยังประเมินผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ แผนนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนียังส่งผลต่อตลาดการเงิน หลังมีรายงานว่า นายฟรีดริช แมร์ซ ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้คำมั่นว่า “จะทำทุกวิถีทาง” เพื่อปกป้องประเทศ โดยเขากำลังพิจารณาเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม รวมถึงแผนจัดตั้งกองทุนพิเศษสำหรับโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร (535,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งต้องอาศัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมาก อย่างน้อยสองในสามในรัฐสภาก่อน
“ครั้งสุดท้ายที่ตลาดพันธบัตรซึมซับปัจจัยจากการให้คำมั่นว่าจะ ‘ทำทุกวิถีทาง’ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่บรรเทาแรงกดดัน นักกลยุทธ์ของ Citi ให้เหตุผล โดยยกเหตุการณ์ในปี 2012 ซึ่งมาริโอ ดรากี (Mario Draghi) อดีตประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เคยให้คำมั่นทำนองเดียวกัน เพื่อกอบกู้สกุลเงินยูโร แต่ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงการประเมินมูลค่าในตลาดพันธบัตร
แรงเทขายเป็นวงกว้างในตลาดบอนด์เกิดขึ้นหลังจากการที่พันธบัตรเยอรมนีร่วงลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี สูงขึ้น 0.30% ในวันพุธ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.
นอกจากนี้ รายงานข่าวแผนงบประมาณของเยอรมนียังหนุนหุ้นกลุ่มการป้องกันประเทศฝั่งเอเชียและหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ที่มา: บลูมเบิร์ก