หุ้น 7 นางฟ้า พุ่งขึ้นรวมกันกว่า 8 แสนล้านดอลล์ ขานรับสหรัฐฯ – จีนชะลอเก็บภาษีศุลกากร

หุ้น 7 นางฟ้า พุ่งขึ้นรวมกันกว่า 8 แสนล้านดอลล์ ขานรับสหรัฐฯ – จีนชะลอเก็บภาษีศุลกากร

หุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ที่รู้จักกันในชื่อ “Magnificent 7” หรือ “7 นางฟ้า” ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นรวมกันถึง 837,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขานรับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่บรรลุข้อตกลงระงับการเก็บภาษีสินค้าออกไปชั่วคราว 90 วัน ซึ่งนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดของกลุ่ม นับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา 

ก่อนหน้านี้ หุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัท ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ต่างถูกกดดันอย่างหนัก จากความตึงเครียดทางการค้าที่คุกคามห่วงโซ่อุปทานและบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ รายใหญ่ แต่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การชะลอการเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ทำให้นักลงทุนเกิดความรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น หุ้นของ Nvidia ซึ่งยังคงเผชิญข้อจำกัดในการส่งชิปบางประเภทไปยังจีน พุ่งขึ้นประมาณ 5% ขณะที่ AMD ก็เพิ่มขึ้นราว 5% ด้าน Broadcom ขยับขึ้นประมาณ 6% และหุ้น Qualcomm เพิ่มขึ้นราว 5% ขณะที่ หุ้นของบริษัทอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ต่างก็ปรับตัวพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้น Marvell ที่เพิ่งเลื่อนการจัดงานประชุมผู้ถือหุ้นออกไป เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ พุ่งขึ้นถึง 8% ด้าน Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก พบว่า หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ พุ่งขึ้นประมาณ 6% ส่วนหุ้นที่จดทะเบียนในไต้หวันปิดตลาดไปก่อนจะมีข่าวการชะลอภาษี ขณะที่ ในยุโรป หุ้น ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิปรายใหญ่ พุ่งขึ้น 6% ขณะที่ Infineon ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน 

แมเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางรายการ จะได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้ว แต่สหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่า การยกเว้นดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว และสินค้ากลุ่มนี้อาจยังถูกเก็บภาษีเฉพาะหมวดหมู่ในอนาคต โดยนักลงทุนมีความกังวลถึงผลกระทบต่อหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพาตลาดจีน เช่น Apple และ Amazon ซึ่งราคาหุ้นถูกกดดันมาอย่างต่อเนื่องในช่วงปีนี้

Apple ซึ่งยังคงผลิต iPhone มากถึง 90% ในจีน ระบุในรายงานผลประกอบการเดือนนี้ โดยคาดว่า ภาษีจะเพิ่มต้นทุนถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสปัจจุบัน โดยหุ้น Apple ปรับตัวขึ้นราว 6% ขณะที่ หุ้น Amazon พุ่งขึ้น 8% เนื่องจากผู้ขายจำนวนมาก ต่างพึ่งพาสินค้าจากจีน

ขณะเดียวกัน หุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ ต่างก็ปรับตัวพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Alibaba, JD.com และ Baidu ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ Daniel Ives หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีระดับโลก จาก Wedbush Securities กล่าวว่า “เมื่อเห็นชัดว่า สหรัฐฯ และจีน กำลังก้าวสู่ข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ เราเชื่อว่า ตลาดและหุ้นเทคโนโลยีอาจพุ่งขึ้นอย่างมากในปี 2025 โดยนักลงทุนจะจับตาความคืบหน้าในกระบวนการเจรจา ซึ่งจะดำเนินต่อไปอีกหลายเดือนข้างหน้า”

ที่มา CNBC , สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย