อย่างที่รู้กันว่า อายุไม่ใช่แค่ตัวเลขสำหรับ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีและนักลงทุนระดับตำนาน วัย 94 ปี ที่เพิ่งประกาศวางมือจากตำแหน่งซีอีโอของ Berkshire Hathaway

ล่าสุด บัฟเฟตต์ เผยในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ The Wall Street Journal ว่า เหตุผลที่เบื้องหลังการตัดสินใจนี้มาจากผลกระทบด้านสุขภาพ เนื่องจากความชราตามวัย

ท่อนหนึ่งของบทสัทภาษณ์ บัฟเฟตต์ กล่าวว่า “ผมไม่เคยรู้สึกว่า ตัวเองเริ่มแก่จริงๆ เพราะเหตุผลที่แปลกบางอย่าง จนกระทั่งเมื่อเข้าวัย 90 แต่เมื่อคุณเริ่มแก่ นั่นเป็นสิ่งที่ย้อนกลับไปไม่ได้”

“พ่อมดแห่งโอมาฮา” ซึ่งจะอายุครบ 95 ปี ในเดือนส.ค. นี้ เผยว่า ตนองเริ่มมีปัญหาในการทรงตัวเป็นบางครั้ง และบางทีก็นึกชื่อคนไม่ออก สายตาเริ่มพร่ามัวเวลาอ่านหนังสือพิมพ์

การประกาศวางมือของบัฟเฟตต์ หลังอยู่ในตำแหน่งซีอีโอมานานถึง 60 ปี ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านยุคของ Berkshire ซึ่งเดิมนั้นเป็นโรงงานสิ่งทอที่กำลังย่ำแย่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ โดยบัฟเฟตต์ได้เข้ามาพลิกฟื้นธุรกิจ จนกลายเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่โดดเด่น ครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่บริษัทประกันภัยรถยนต์ อย่าง Geico ไปจนถึงกิจการด้านรถไฟ BNSF Railway

ขณะที่ ราคาหุ้นของ Berkshire ในช่วงที่บัฟเฟตต์ก้าวลงจากตำแหน่ง ขยับใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมูลค่าตลาดเกือบ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ บอร์ดบริหารของ Berkshire มีมติเป็นเอกฉันท์ แต่งตั้ง “เกร็ก อาเบล” ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัย (Vice Chairman-Non Insurance Operations) ขึ้นเป็นประธานและซีอีโอ มีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2026 ขณะที่ บัฟเฟตต์จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัทต่อไป

อย่างไรก็ดี บัฟเฟตต์ กล่าวว่า ตนเองยังคงมีสติปัญญาแหลมคมในการตัดสินใจลงทุนเมื่อมีโอกาส ที่ผ่านมา สไตล์การลงทุนของบัฟเฟตต์ยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่มองเห็นโอกาสจากความปั่นป่วนในตลาดและราคาสินทรัพย์ที่ลดลง

“ผมไม่มีปัญหาในเรื่องการตัดสินใจในเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะเมื่อ 20 ปี  40 ปี หรือแม้แต่ 60 ปีที่ผ่านมา ผมจะยังคงทำประโยชน์ให้ที่นี่ หากตลาดเกิดความตื่นตระหนก เพราะผมไม่หวาดหวั่นในยามที่ตลาดร่วง หรือคนอื่นพากันกลัว… ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับอายุเลย”

ที่มา CNBC, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย