วอลล์สตรีท คาดหุ้นยุโรปมีลุ้นแซงสหรัฐฯ ในรอบ 20 ปี หลังศก.มีแนวโน้มฟื้นตัว-กำไรบริษัทดีกว่าคาด

วอลล์สตรีท คาดหุ้นยุโรปมีลุ้นแซงสหรัฐฯ ในรอบ 20 ปี หลังศก.มีแนวโน้มฟื้นตัว-กำไรบริษัทดีกว่าคาด

ผลสำรวจความเห็นนักกลยุทธ์จากวอลล์สตรีท โดยบลูมเบิร์ก คาดตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มโตแซงตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 20 ปี จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มองทิศทางดัชนี Stoxx Europe 600 มีแนวโน้มปิดปี ที่ระดับ 554 จุด หรือ +1% จากระดับปิดล่าสุด

ด้าน JPMorgan Chase ให้เป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 580 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในผลสำรวจ ขณะที่ Citigroup คาดว่า ดัชนีอาจปรับขึ้นถึง 570 จุด หรือ +4% หลังปรับลดมุมมองเชิงลบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน ขณะเดียวกัน ทั้งสองธนาคารต่างประเมินว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย JPMorgan คาดว่า ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างดัชนี Stoxx 600 กับดัชนี  S&P 500 จะห่างกัน อยู่ที่ 0.25% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูล

เงินเริ่มไหลกลับยุโรป – ลุ้นหุ้นวัฏจักรรับอานิสงส์

Beata Manthey นักกลยุทธ์ของ Citi มองว่า “ถ้าเราผ่านจุดสูงสุดของความไม่แน่นอนเรื่องผลกำไรไปแล้ว ตอนนี้อาจเป็นช่วงที่ราคาหุ้นเริ่มอัพไซด์เพิ่มขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่ตลาดจะปรับมุมมองราคาหุ้นเพิ่มขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะหุ้นวัฏจักรที่ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น”

มุมมองล่าสุดนี้ต่างไปจากเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งขณะนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า หุ้นยุโรปจะตามหลังหุ้นสหรัฐฯ อยู่มาก แต่การปฏิรูปการคลังครั้งใหญ่ของเยอรมนี รวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนหันมามองสินทรัพย์ในยุโรปเป็นทางเลือกในการลงทุนท่ามกลางสงครามการค้า

ขณะที่ ผลสำรวจของ Bank of America เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลก 35% เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้นยุโรป และลดสถานะการถือครองหุ้นสหรัฐฯ ลงมาต่ำสุดในรอบสองปี

นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในดัชนี MSCI Europe ยังเพิ่มขึ้น 5.3% ในไตรมาสแรก ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 1.5% ตามข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence ขณะที่ ผลสำรวจนักวิเคราะห์อีกฉบับโดยบลูมเบิร์กเช่นกัน คาดว่า ดัชนี S&P 500 จะปิดปีนี้ที่ระดับ 6,001 จุด แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันศุกร์ (16 พ.ค.)

หุ้นยุโรปยังถูกกว่าหุ้นสหรัฐฯ – แต่ความไม่แน่นอนยังคงมี

แม้ว่า ดัชนี Stoxx 600 จะบวกขึ้นไปกว่า 8.3% ในปีนี้ ซึ่งทำให้ Valuation หุ้นสูงขึ้น โดยปัจจุบัน มีค่า P/E Ratio อยู่ที่ 14.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 13.5 เท่า แต่ยังต่ำกว่าหุ้นสหรัฐฯ ที่มี P/E Ratio เกือบ 22 เท่า

ชารอน เบลล์ (Sharon Bell) นักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs ระบุว่า นักลงทุนยังคงมีแนวโน้มกระจายเงินลงทุนมายังยุโรป เนื่องจากราคาหุ้นที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และเชื่อว่า เงินเฟ้อในยุโรปจะทยอยชะลอตัวลงในปีนี้ ซึ่งอาจช่วยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ผลสำรวจของบลูมเบิร์กมี 6 สถาบัน ที่คาดว่า ดัชนี Stoxx 600 จะปรับตัวลดลงเกิน 2% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งได้แก่ Bank of America, Deka Bank, ING, Panmure Liberum, Societe Generale SA และ TFS Derivatives

ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย