ผู้ว่าการ ECB เห็นต่างเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ชี้แม้คุมเงินเฟ้อได้ ยังต้องจับตาหลายปัจจัยเสี่ยง

ผู้ว่าการ ECB เห็นต่างเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ชี้แม้คุมเงินเฟ้อได้ ยังต้องจับตาหลายปัจจัยเสี่ยง

เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยมุมมองที่แตกต่างกันเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการกำหนดนโยบายการเงินของกลุ่มยูโรโซนในขณะนี้

ฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กัลโล (Francois Villeroy de Galhau) ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส ยืนยันว่า การลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งยังมีโอกาสเป็นไปได้ ขณะที่ มาร์ตินส์ คาซัคส์ (Martins Kazaks) ผู้ว่าการธนาคารกลางลัตเวีย และ เกดิมินาส ซิมคุส (Gediminas Simkus) ผู้ว่าการธนาคารกลางลิทัวเนีย สนับสนุนให้คงทางเลือกไว้หลายทาง

ด้านคริสโตดูลอส พัตซาลิดีส (Christodoulos Patsalides) ผู้ว่าการธนาคารกลาง ไซปรัส มองว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม “อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว หากเงินเฟ้อออกมาในทิศทางที่คาดไว้ ก็ยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ในระยะนี้ เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ”

โดยเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเป็นครั้งที่สอง โดยคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับ 2.00% อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 2.15% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 2.40% หลังเข้าสู่วงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2024 โดยที่ประชุม ECB พิจารณาเห็นว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในจุดที่ควบคุมได้แล้ว ขณะที่ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจกำลังลดลง ด้านแหล่งข่าววงในระบุว่า อัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่เท่าเดิมไปอีกระยะหนึ่ง เว้นแต่ยูโรโซนจะประสบกับภาวะช็อกทางเศรษฐกิจที่รุนแรง

แม้ว่าการตัดสินใจในสัปดาห์นี้จะไม่มีข้อโต้แย้งในหมู่ผู้กำหนดนโยบายการเงิน แต่ความเห็นต่างหลังการประชุมก็สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายในหมู่สมาชิกสภากรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB Governing Council) โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แนวโน้มเศรษฐกิจถูกบดบังไปด้วยความตึงเครียดทางการค้าโลกและนโยบายภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

ความเห็นของวิลเลอรอย สะท้อนให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ส่วนน้อยยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม “ไม่มีอะไรที่ต้องกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อๆ ไป พวกเราหลายคน รวมถึงตัวผมเอง เคยย้ำถึงความเสี่ยงขาลงของเงินเฟ้อในอนาคตอันใกล้นี้”

ด้านคาซัคส์ มองว่า มีโอกาสที่แรงกดดันด้านราคาจะเป็นไปได้ทั้งสองทิศทาง เนื่องจากความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความเป็นไปได้ของผลกระทบจากภาวะเงินฝืดจากจีน การแข็งค่าของเงินยูโร และระบอบการค้าพลังงานแบบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2027

ขณะที่ ซิมคุสมีความเห็นคล้ายคลึงกัน โดยมองว่า ประตูทุกบานควรเปิดไว้สำหรับการประชุมนโยบายในอนาคต โดยปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นเจาะจงว่าควรดำเนินการไปในทิศทางใด “สถานการณ์โดยรวมแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงที่จะนำไปสู่เงินเฟ้อยังคงมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษี และความตึงเครียดทางการค้า รวมไปถึงเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อการเติบโตของราคา”

พัตซาลิดีสให้มุมมองที่หนักแน่นที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์นโยบายการเงินในปัจจุบัน โดยกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ ECB กำลังอยู่บนทางแยก “ความเสี่ยงต่างๆ อยู่ในจุดที่สมดุล นั่นหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง

ที่มา: Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย