หุ้นตลาดเกิดใหม่พุ่งต่อเนื่อง 10 เดือน ทำสถิติยาวนานสุดในรอบ 32 ปี แรงหนุนดอลล์อ่อน-AI บูม

หุ้นตลาดเกิดใหม่พุ่งต่อเนื่อง 10 เดือน ทำสถิติยาวนานสุดในรอบ 32 ปี แรงหนุนดอลล์อ่อน-AI บูม

ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ซึ่งติดตามหุ้นในตลาดเกิดใหม่ จ่อทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ในเดือนต.ค. เนื่องจากกระแสของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประกอบกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าตลาด

ดัชนีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนต.ค. แม้จะเคลื่อนไหวในแดนลบวันนี้ (31 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 1993

โดยในปีนี้ หุ้นตลาดเกิดใหม่สร้างความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ จากแรงหนุนหุ้นในกลุ่มห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ฮาร์ดแวร์ และศูนย์ข้อมูลในเอเชียที่พุ่งทะยานจากความต้องการ AI นอกจากนี้ นโยบายการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้จัดการกองทุนกระจายการลงทุนออกไป นอกเหนือจากสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ขณะที่ จีนยังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเป้าเจาะจง ซึ่งช่วยหนุนประมาณการผลกำไร การไหลเข้าของเงินทุน และเรียกความเชื่อมั่นของตลาดอีกทางหนึ่ง

แซมมี ซูซูกิ (Sammy Suzuki) หัวหน้าฝ่ายตราสารทุนตลาดเกิดใหม่จาก AllianceBernstein ให้เหตุผลว่า “การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ หุ้นตลาดเกิดใหม่ไม่ได้มีแค่หุ้นกลุ่มธนาคาร สินค้าโภคภัณฑ์ และโทรคมนาคมอีกต่อไป ปัจจุบัน หุ้นในภาคเทคโนโลยี กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค และการแพทย์ ซึ่งมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น มีน้ำหนักในดัชนีเพิ่มขึ้นมาก”

การพุ่งขึ้นรอบนี้ทำให้ดัชนี MSCI Emerging Markets ทะยานขึ้นไปแล้ว 31% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2017 โดยหุ้น AI มีสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้น ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ประเทศกำลังพัฒนาได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากเดิมที่มุ่งเน้นการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ กลายมาเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการบริโภค

นอกจากนี้ หุ้นตลาดเกิดใหม่ยังทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ซึ่งทำให้ผู้จัดการกองทุนหลายราย รวมถึง Morgan Stanley คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่เริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นและจะกินเวลานานหลายปี โดยประมาณการกำไรของบริษัทในดัชนี MSCI เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 ซึ่งช่วยลดช่องว่างมูลค่าระหว่างหุ้นตลาดเกิดใหม่และหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน มูลค่าหุ้นในดัชนี MSCI ยังถูกกว่าหุ้นสหรัฐฯ ประมาณ 39% ลดลงจาก 45% เมื่อช่วงต้นปี โดยอิงจากอัตราส่วน P/E ล่วงหน้า

ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย