นายพรชลิต พลอยกระจ่าง กรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 6 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หรือระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.155 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินลดทุน ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 อีกทั้งกำหนดจ่ายเงินลดทุนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 11 ธันวาคม 2568
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 22 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.88670 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินลดทุนไป 6 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.87 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินลดทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 4.75670 บาทต่อหน่วย

โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ มีเงินลดทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินลดทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 กองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 125.5 ล้านบาท หรือ 0.244 บาทต่อหน่วย และสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 กองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 0.4 ล้านบาท หรือ 0.001 บาทต่อหน่วย
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2568 พบว่า รายได้รวมเท่ากับ 160.7 ล้านบาท ลดลง 4.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 13.2% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากไตรมาสนี้ กองทุนฯ ไม่มีรายได้อื่น (ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กองทุนฯ มีรายได้อื่นจากการได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทรับประกันภัย) ในขณะที่ รายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 1.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13.3% จากไตรมาสก่อน เป็น 160.1 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 128.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากค่าใช้จ่ายรวมลดลงสูงกว่ารายได้รวมที่ลดลง แต่ลดลง 15.0% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 79.8% เมื่อเทียบกับ 75.8% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 81.4% ในไตรมาสก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 พบว่า มีรายได้รวมเท่ากับ 558.0 ล้านบาท ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักของการลดลงดังกล่าว เป็นเพราะรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 5.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 555.6 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 456.6 ล้านบาท ลดลง 1.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากรายได้รวมลดลงสูงกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลง ทั้งนี้ อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2568 เท่ากับ 81.8% เทียบกับ 77.7% ในงวดเดียวกันของปีก่อน
กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
BBLAM
12 พฤศจิกายน 2568

