น้ำมันโลกร่วงกว่า 4% หลัง OPEC ปรับคาดการณ์อุปทาน อาจล้นตลาดเล็กน้อยในปีหน้า

น้ำมันโลกร่วงกว่า 4% หลัง OPEC ปรับคาดการณ์อุปทาน อาจล้นตลาดเล็กน้อยในปีหน้า

ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพุธ (12 พ.ย.) โดยถูกกดดันหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เผยรายงานว่า อุปทานน้ำมันโลกในปีหน้าอาจล้นตลาดเล็กน้อย ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอุปทานน้ำมันจะตึงตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 58.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.18%

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76%

กลุ่ม OPEC เผยรายงานว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญกับอุปทานส่วนเกินเล็กน้อยในปี 2026 หลังจากที่กลุ่ม OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายอื่น โดยก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มประเมินว่า อุปทานน้ำมันจะตึงตัวในปีหน้า

รายงานล่าสุดของ OPEC ระบุว่า กลุ่ม OPEC+ ผลิตน้ำมันอยู่ที่ 43.02 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค ซึ่งลดลง 73,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก.ย. ถึงแม้จะมีข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนต.ค. ก็ตาม โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ลดลงมาจากฝั่งคาซัคสถาน

ด้านรอยเตอร์ คาดว่า อุปสงค์น้ำมันจาก OPEC+ จะอยู่ที่ 43.0 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026 ซึ่งบ่งชี้ว่า มีแนวโน้มเกิดอุปทานส่วนเกินเล็กน้อยที่ 20,000 บาร์เรลต่อวัน หากกลุ่ม OPEC+ ยังคงผลิตในอัตราเดียวกับเดือนต.ค. ตัวเลขดังกล่าวเปลี่ยนแปลงจากประมาณการก่อนหน้าของ OPEC ที่คาดว่าาจะอุปทานน้ำมันจะขาดแคลน โดยรายงานเมื่อเดือนต.ค. เผยว่า ปริมาณน้ำมันจะลดลง 50,000 บาร์เรลต่อวัน และรายงานเดือนก.ย. คาดว่าปริมาณน้ำมันจะต่ำกว่าความต้องการที่ 700,000 บาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในรายงานประจำปี “World Energy Outlook” ว่า อุปสงค์น้ำมันและก๊าซมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2050 ซึ่งต่างจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะถึงจุดสูงสุดในทศวรรษนี้ เนื่องจาก IEA เปลี่ยนวิธีการประเมินโดยไม่ได้นำเกณฑ์การให้คำมั่นเรื่องสภาพภูมิอากาศมาพิจารณาด้วย

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายคน ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบที่ล้นตลาดจะจำกัดการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน โดยกลุ่ม OPEC+ มีมติในเดือนนี้ให้ระงับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันป้อนเข้าสู่ตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หลังจากทยอยยกเลิกมาตรการปรับลดกำลังการผลิตมาตั้งแต่เดือนส.ค. ปีนี้

นักวิเคราะห์ ยังระบุว่า การกลับมาเปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เป็นอีกปัจจัยที่จะกระตุ้นความต้องการน้ำมันดิบ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีกำหนดลงมติร่างงบประมาณในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หลังจากลงมติในชั้นวุฒิสภาไปแล้ว ซึ่งจะเปิดทางให้หน่วยงานรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. ปีหน้า

ที่มา: Reuters, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย