ครม.ไฟเขียว พ.ร.บ.โลกร้อน ตั้งกองทุนภูมิอากาศ–เก็บภาษีคาร์บอน

ครม.ไฟเขียว พ.ร.บ.โลกร้อน ตั้งกองทุนภูมิอากาศ–เก็บภาษีคาร์บอน

ครม.เห็นชอบหลักการ “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ตั้งกองทุนภูมิอากาศ–ภาษีคาร์บอน–ระบบซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. … ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ เพื่อยกระดับ “ระเบียบฯ ปี 2550” ขึ้นเป็นกฎหมายแม่บท ด้าน climate ของประเทศ รองรับพันธกรณี UNFCCC และเป้าหมาย “คาร์บอนเป็นกลาง ปี 2593-สุทธิเป็นศูนย์ ปี 2608”

รองโฆษกฯ ระบุว่า ร่างกฎหมางกฎหมายฉบับนี้เป็นกรอบใหญ่ในการจัดการก๊าซเรือนกระจกของไทยทั้งระบบ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ให้ตั้ง 4 คณะกรรมการหลัก นำโดย “คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ” ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และท่าทีของไทยในเวทีระหว่างประเทศ

จัดตั้ง “กองทุนภูมิอากาศ” เป็นนิติบุคคลของรัฐ ใช้รายได้จากเครื่องมือด้านคาร์บอนต่างๆ มาหนุนการลงทุนและการปรับตัวของภาคส่วนต่าง ๆ

จัดทำฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก–แผนการปรับตัวระดับชาติ ให้ทุกหน่วยงานรัฐเดินตามเป้าหมายเดียวกัน

วางระบบ “ซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)” และกลไก “ปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM)” พร้อมกำหนดให้คาร์บอนเครดิตเป็นทรัพย์สินที่ซื้อขายและโอนได้

กำหนด “ภาษีคาร์บอน” สำหรับสินค้าบางประเภท ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้จัดเก็บ โดยต้องออกกฎหมายลำดับรองกำหนดอัตราและวิธีการให้สอดคล้องกับวินัยการเงินการคลัง

และวางมาตรฐานกลางในการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็น “taxonomy” อ้างอิงสำหรับนโยบาย การลงทุน และการจัดสรรเงินทุนสีเขียว

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์