By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ภาคธุรกิจต่างมองหาโอกาสที่จะนำมาปรับใช้ และก็มีบางรายที่ได้เริ่มใช้ AI มาบ้างแล้ว ซึ่งหลายๆ ครั้ง คนทั่วไปอย่างเราก็ได้สัมผัสกับ AI เหล่านี้ แต่อาจจะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือในมือนั่นคือ AI
เปรียบแล้ว AI ก็เสมือนฮีโร่ที่แฝงกายอยู่ในโลกมนุษย์แบบเงียบๆ พร้อมออกมาปฏิบัติภารกิจกู้โลก ช่วยเหลือภาคธุรกิจเมื่อมีความต้องการ
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเรื่องการสื่อสารของมนุษย์และคอมพิวเตอร์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และกรรมการสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) ได้เคยนำเสนอข้อมูลในงานสัมมนา “AI: Shape the Future” ซึ่งจัดภายในงานคอมมาร์ท เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ค่อนข้างน่าสนใจ โดยระบุว่า ในช่วงแรกนั้น AI เกิดมาจากความต้องการให้ทำงานได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การพูด การมองเห็น การขยับตัว หรือแม้กระทั่งการคิด
ขณะที่ อนาคตความสามารถต่อไปที่อาจจะตามมาก็คือ การรับรู้รส รับรู้กลิ่น เพื่อให้ตอบโจท์ความต้องการของคนซื้อสินค้าออนไลน์ ที่อยากจะดมกลิ่น สัมผัส รับรู้รสได้ เสมือนยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งของนั้นจริงๆ
ทั้งนี้ ดร.ชัย มองว่า กลุ่มธุรกิจที่เหมาะจะนำ AI มาใช้ มีด้วยกัน 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่มีปัญหาซึ่งต้องการใช้ AI มาแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การสร้างกำไรได้ เช่น Self Service ให้ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการ หรือทำธุรกรรมต่างๆ เองได้ ลดปัญหาต้องต่อคิวยาว Customer Service ที่ AI เข้าไปช่วยได้หลายส่วน อาทิ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกสำหรับใช้ในการขายสินค้า เป็นแชทบอทไว้คอยตอบคำถาม พูดคุยกับลูกค้า สืบค้นข้อมูลภายในและภายนอกองค์กรเพื่อวางแผนธุรกิจ วิเคราะห์ลูกค้าว่ากำลังพอใจ ไม่พอใจอย่างไร เป็นต้น
อีกกลุ่มธุรกิจที่เหมาะกับการใช้ AI คือ ธุรกิจที่ต้องการนำข้อมูลที่มีไปสู่ธุรกิจ คือใช้ข้อมูลนำไปสู่การสร้างกำไร โดยข้อมูลที่ว่า ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง รถไฟ หากรู้ตำแหน่ง ก็สามารถเก็บข้อมูลและนำไปสร้างธุรกิจใหม่ได้อีกมาก หรือแผนที่พิกัดการเกษตร ที่สามารถระบุได้ถึงข้อมูลการใช้พื้นที่การเกษตรของไทยตั้งแต่ระดับเล็กสุดคือตำบล ว่าปลูกอะไร พืชพันธุ์ไหน ห่างจากแหล่งน้ำแค่ไหน ขนส่งอย่างไร หากนำข้อมูลเหล่านี้มารวมกันจากหลายๆ แหล่ง ก็นำไปสร้างนวัตกรรมได้
นอกจากนี้ก็ยังใช้ด้านการศึกษาได้ เช่น ข้อมูลเกรด สิ่งที่เคยเรียนแล้ว สิ่งที่ยังไม่เคยเรียน ข้อมูลเหล่านี้มีอยู่หมดในโรงเรียน ถ้าข้อมูลถูกรวมกันจะสร้างนวัตกรรมได้อีกมาก เช่น ระบบการศึกษาออนไลน์ ให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเข้าไปทดลองเรียนฟรี ก็จะได้ข้อมูลมหาศาลว่าพฤติกรรมการเรียนใช้เวลาเรียนนานแค่ไหน วิเคราะห์ได้ว่าการศึกษาของไทยเป็นอย่างไร
นี่คือส่วนเล็กๆ ที่ AI ทำได้ เชื่อว่าในอนาคตคงจะได้เห็น AI ทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของเรา สะท้อนให้เห็นว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรานิดเดียว