BF Economic Research
สหรัฐฯ และเม็กซิโกสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นร่วมกันเมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้ใช้ข้อตกลงดังกล่าวแทนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งประกอบไปด้วยสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ 16 ปี และจะทำการทบทวนทุก 6 ปี โดยประเด็นที่สำคัญในข้อตกลงนี้คือ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำหนดให้รถที่จะขายในสหรัฐฯ จะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ หรือเม็กซิโกในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 75% ต่อคัน เพิ่มขึ้นจากข้อตกลงเดิมใน NAFTA ที่กำหนดให้ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ เม็กซิโก หรือแคนาดาไม่ต่ำกว่า 62% นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะไม่จำกัดการนำเข้ารถยนต์ขนาดเล็กจากเม็กซิโก แต่ภาษีนำเข้าเหล็ก (25%) และอลูมิเนียม (10%) ที่สหรัฐฯ ได้ประกาศไปแล้วในวันที่ 1 มิ.ย. จะยังคงมีผลบังคับใช้กับเม็กซิโกตามเดิม
ในด้านแคนาดาที่เป็นอีกหนึ่งสมาชิก NAFTA นั้น สหรัฐฯ จะเจรจาในวันนี้ (28 ส.ค.) ก่อนที่จะเสนอให้สภาคอนเกรสพิจารณา โดยเรามองว่าการตกลงกันของสหรัฐฯ และเม็กซิโกจะกดดันให้แคนาดาอาจจะต้องรับข้อเสนอที่คล้ายกัน แม้รัฐบาลแคนาดาจะกล่าวว่า แคนาดาจะลงนามในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแคนาดาเท่านั้น
ที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ย้ำมาตลอดว่าข้อตกลง NAFTA คือข้อตกลงที่ส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ อย่างมาก โดยทำให้แรงงานจำนวนมากต้องตกงาน ทรัมป์จึงสั่งให้เริ่มเจรจาข้อตกลง NAFTA ใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2017 ที่ผ่านมาเพื่อให้ข้อตกลงเอื้อผลประโยชน์กับสหรัฐฯ มากขึ้น ตามนโยบายกีดกันการค้าซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงที่สำคัญ